CGSI ยก BBL ท็อปพิก! เป้าใหม่ 195 บาท ชี้รายได้ค่าฟี Q3 โตเด่น-ตั้งสำรองลด

CGSI เลือก BBL เป็นหุ้นท็อปพิก เคาะราคาเป้าหมายใหม่ 195 บาท มองไตรมาส 3/67 รายได้ค่าธรรมเนียมโตแกร่ง 31% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ตั้งสำรองลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า ในไตรมาส 3/67 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL จะทำกำไรสุทธิ 1.33 หมื่นล้านบาท เติบโต 17.60% จากปีก่อน และ 13% จากไตรมาสก่อนหน้า ถึงแม้ประมาณการว่า BBL จะมีสินเชื่อขยายตัวเพียง 0.10% จากปีก่อน และ 0.20% จากไตรมาสก่อน ในไตรมาส 3/67 แต่ธนาคารน่าจะยังมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) สูง หรือที่ 3.08% เพิ่มขึ้น 7bp จากไตรมาสก่อนหน้า เพราะอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ยังคาดการณ์ว่า รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น 31.40% จากปีก่อน และ 6.60% จากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 3/67 เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตแข็งแกร่ง ทั้งจากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และบริการกองทุนรวม, กำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่ BBL น่าจะมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 44% ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าธนาคารจะมีกำไรก่อนตั้งสำรองเติบโต 5.60% จากปีก่อน และ 1.40% จากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 3 นี้

รวมทั้งคาดการณ์ว่าอัตราการสำรองหนี้สูญจะลดลงจากไตรมาสก่อนจาก 153bp ในไตรมาส 2/67 เป็น 115bp ในไตรมาส 3/67 ขณะที่อัตราส่วน NPL จะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ปรับประมาณการ EPS ในปี 67-69  ขึ้น 1.90-5% หลังปรับสมมติฐาน NIM ขึ้น 10-12bp และปรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลง อย่างไรก็ตาม ปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของสินเชื่อในปี 67-69 จาก 4-4.50% เหลือ 2.50-3.70% สะท้อนยอดสินเชื่อที่ขยายตัวลดลงในครึ่งปีแรก และมีมุมมองที่ conservative มากขึ้นต่ออัตราการเติบโตของสินเชื่อใหม่

ดังนั้นจึงปรับสมมติฐานอัตราการสำรองหนี้สูญขึ้น 5-15bp ในปี 67-68 แต่ปรับลง 15bp ในปี 69 ทั้งนี้ BBL ยังยึดหลักการตั้งสำรองอย่างรอบคอบ แม้ว่าจะมีอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL สูงถึง 282.50% ในไตรมาส 2/67 ซึ่งกดดัน ROE ของธนาคารตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ROE ตามประมาณการใหม่ของฝ่ายวิเคราะห์ฯ จึงอยู่ที่ 8.10% ต่อปีในปี 67-69

ด้านฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เลื่อนปีฐานการประเมินมูลค่า BBL เป็นปี 68 ส่งผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 195 บาท จากจาก 183 บาท ซึ่งยังเท่ากับ P/BV 0.62 เท่า ยังแนะนำ “ซื้อ” เพราะ BBL มีการประเมินมูลค่าน่าสนใจที่ P/BV เพียง 0.51 เท่าในปี 68 เท่ากับค่าเฉลี่ยห้าปี รวมทั้งมีอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL แข็งแกร่งที่ 282% ในไตรมาส 2/67 และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงที่ 19.5%

นอกจากนี้คาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของ BBL อยู่ที่ 4.60-4.90% ต่อปีในปี 67-72 ภายใต้ สมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 29-30%

โดยยังคงเลือก BBL เป็นหนึ่งใน Top pick ของกลุ่มธนาคารไทย เพราะมีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยน้อยที่สุดและมีสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศสูงถึง 25% ของยอดสินเชื่อรวมใน อย่างไรก็ตาม BBL จะมี downside risk หากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น, การลงทุนภาคเอกชนอ่อนตัวและสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่กลายเป็น NPL เพิ่มขึ้น ส่วนปัจจัยบวกจะมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจสินเชื่อในต่างประเทศ, อัตราการสำรองหนี้สูญที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 68-69 และความล่าช้าในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

Back to top button