SUPER ฐานแน่น! BBL ปล่อยสินเชื่อบ.ย่อย 650 ล้าน ลุยโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอย 8 เมกฯ
SUPER ฐานแน่น! BBL ปล่อยสินเชื่อบริษัทย่อย 650 ล้านบาท สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยชุมชน จ.หนองคาย กำลังการผลิต 8.0 เมกะวัตต์
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า บริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่ม SUPER ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานขยะและคัดแยกขยะ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL วงเงินสินเชื่อ (Project Financing) จำนวน 650 ล้านบาท สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยชุมชน ในจังหวัดหนองคาย ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 8.0 เมกะวัตต์
โดยโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยชุมชน มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะเวลา 20 ปี กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในอัตราค่าไฟเฉลี่ย 5.94 บาท/หน่วย (ณ ปัจจุบัน) ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ทั้งนี้ ปัจจุบัน SUPER มีโครงการโรงไฟฟ้าขยะที่ดำเนินการจ่ายไฟแล้ว จำนวน 3 แห่ง กำลังการผลิตรวม 24 เมกะวัตต์
“ต้องขอบคุณธนาคารกรุงเทพ ในการปล่อยเงินกู้ในครั้งนี้ เพื่อใช้สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยชุมชน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ รวมถึงศักยภาพของโครงการ ซึ่งที่ผ่านมานับจากวันรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์ (COD) มีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องมาโดยตลอด รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มความสามารถการด้านการแข่งขัน และรายได้ในอนาคต โดยสำหรับโครงการนี้ บริษัทได้ใช้เงินลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการจนเสร็จเรียบร้อยและดำเนินการจำหน่ายไฟไปตั้งแต่ปี 2555 แล้ว ดังนั้นเงินกู้ที่ได้รับในครั้งนี้เป็นการคืนเงินทุนในส่วนที่บริษัทได้ลงทุนไปก่อน ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับกลุ่มบริษัทให้มีมากขึ้น” นายจอมทรัพย์ กล่าว
สำหรับบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ดี และมีความพร้อมดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า โดยมีแผนขยายโรงไฟฟ้าทุกรูปแบบ ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าจากขยะ การขายไฟฟ้า Private PPA เป็นต้น รวมทั้งการลงทุนร่วมกับพันธมิตร โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าปี 2567 รายได้เติบโตต่อเนื่อง และมีกำลังการผลิตในปีนี้รวม 1,656.11 เมกะวัตต์
ขณะที่ปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือรวม 2,353.79 เมกะวัตต์ COD แล้ว 1,626.11 เมกะวัตต์ และเพิ่มกำลังการผลิตเชิงพาณิชย์เป็น 2,200 เมกะวัตต์ ในปี 2570 ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง