เปิดโผ 3 หุ้นเล็ก ครึ่งปีแรก 67 กำไรทะลัก ลุ้นธุรกิจแจ่มต่อเนื่อง!
NAT- A5-ATP30 กำไร 6 เดือนแรกปี 67 โต 67-110% แถมแนวโน้มครึ่งปีหลังแจ่ม มีงานในมือรอบุ๊ครายได้เพียบ พร้อมเตรียมรับงานใหม่เติมพอร์ต ขณะที่ค่า P/E ต่ำ เมื่อเทียบตลาด mai และ กลุ่มธุรกิจเดียวกัน
ข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ระบุว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน mai จำนวน 212 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 221 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2567 รายงานกำไรสุทธิจำนวน 152 บริษัท คิดเป็น 72% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยมีกำไรสุทธิ 6,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.50% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หากไม่นับรวมกลุ่มที่มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากการ Turn around กำไรสุทธิจะเป็น 4,9449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8%
โดยภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 67 ของ บจ. ใน mai ปรับตัวดีขึ้น บจ. มีการควบคุมทั้งต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมาตั้งแต่ไตรมาสแรกในปีนี้ ทำให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น และหากพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่ายอดขายเติบโตในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ยกเว้นกลุ่มทรัพยากรที่มียอดขายลดลงเล็กน้อย แต่หากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิ เกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น มีเพียงกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเทคโนโลยีที่มีกำไรลดลง
อย่างไรก็ดีจากการสำรวจบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ทั้งหมดพบ 3 บจ.กำไรสุทธิ 6 เดือนปี 67 เติบโตระดับ 67 – 110% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อยู่ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมประกอบด้วย
บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30 ผู้ให้บริการรถโดยสารไม่ประจำทาง เพื่อขนส่งพนักงานของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ระหว่างแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการ โดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) กำไรเติบโดดเด่นงวด 6 เดือนแรกปี 67 อยู่ที่ 22 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับระดับกำไรสุทธิปี 66 ทั้งปีทำได้ 29 ล้านบาท
เช่นเดียวกับ บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 ผู้ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น โดยมีนโยบายลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง (Holding Company) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 310 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 169 ล้านบาท
รวมถึง บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT ผู้ประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา จำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และรับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 109 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท โดยกำไรครึ่งปีแรกเติบโตเกือบใกล้ระดับปีก่อนทั้งปีที่ทำได้ 117 ล้านบาท
ขณะที่เมื่อดูราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ วันที่ 20 ก.ย. 67 พบว่าทั้ง 3 บริษัทมีระดับอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ต่ำ ทั้งเทียบกับหุ้นใน mai ทั้งหมด (เฉลี่ย 35.15 เท่า) และเทียบกับหมวดธุรกิจเดียวกัน โดย A5 เทรด P/E ต่ำสุดเพียง 4.81 เท่า แต่กลุ่มอสังหาฯ มีระดับ P/E เฉลี่ย 21.85 เท่า, NAT เทรดที่ P/E เพียง 11.12 เท่า กลุ่มเทคโนโลยีมี P/E เฉลี่ย 25.69 เท่า และ ATP30 เทรดที่ P/E เพียง 15.77 เท่า แต่กลุ่มบริการมี P/E เฉลี่ยถึง 99.26 เท่า
ด้าน นาย สุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NAT คาดการณ์ผลประกอบการครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง โดยมีงานโครงการและบริการที่ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่รอดำเนินการและส่งมอบพร้อมรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวนทั้งสิ้น 53 โครงการ มูลค่ารวม 684.64 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 677) ซึ่งบริษัทสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปี 68
ขณะเดียวกันคาดว่าจะสามารถเข้ารับงานใหม่อีกประมาณ 28 โครงการ มูลค่ารวม 500 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายเติบโต 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,558 ล้านบาท และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง
ขณะที่มีแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้มีความหลากหลาย โดยเน้นรูปแบบบริการที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต เช่น AI & Generative AI, Data Analytic และ Cybersecurity รวมถึงสร้างการเติบโตผ่านการขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมจากกลุ่มเดิมไปสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่จะสร้างรายได้ และ เพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับบริษัท เช่น กลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพ และ กลุ่มธุรกิจพลังงาน ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างมากตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ส่วน นาย ปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ ATP30 เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจครึ่งหลังปี 67 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการเพิ่มจำนวนรถให้บริการกับลูกค้ารายเดิม และมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ทั้งในด้านการบริหารจัดการการเดินรถ ต้นทุนพลังงาน และต้นทุนทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีรายได้ค่าบริการที่ยังไม่ได้รับรู้ (Backlog) 1,500 ล้านบาท และมีจำนวนรถให้บริการรวมทั้งสิ้น 746 คันประกอบด้วย รถโดยสารบริษัทจำนวน 687 คันและรถโดยสารร่วมบริการจำนวน 59 คัน นอกจากนี้ในไตรมาส 3/67 ได้มีการเซ็นสัญญากับลูกค้าใหม่จำนวน 4 ราย คิดเป็นมูลค่าสัญญารวม 280 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการปีนี้ มั่นใจว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าหมายเติบโต 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 671 ล้านบาท และสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 20% รวมถึงอัตรากำไรสุทธิประมาณ 8-10%
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร A5 ประเมินภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัว จากปัจจัยบวกมาตรการรัฐหลายประการ รวมถึงความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยกลุ่มลักชัวรียังมีอย่างต่อเนื่อง
โดยช่วงครึ่งแรกปี 67 ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นทั้งรายได้และกำไร มาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการ “แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา” ที่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งโครงการเสร็จสิ้นภายในปี 67 และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโครงการร่วมค้าโครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ ที่เป็นไปตามเป้าหมาย ประกอบกับมียอดขายโครงการที่อยู่ระหว่างขายเข้ามาต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมียอดขายในมือ (Backlog) 1,100 ล้านบาท จะเริ่มทยอยรับรู้ ตั้งแต่ไตรมาส 3/67 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ เตรียมเปิดตัวโครงการ “วนา ราชพฤกษ์ – เวสต์วิลล์” บ้านเดี่ยว 3 ชั้น บนที่ดิน 17 ไร่ ความส่วนตัวสูง 43 ยูนิต ราคา 30 – 60 ล้านบาท ส่วนโครงการ “แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา” จะจัดแคมเปญ “Last Chance to own a LEGACY” เอกสิทธิ์เพียง 3 ครอบครัวสุดท้ายก่อนปิดโครงการ ในราคาพิเศษเริ่ม 120 ล้านบาท และเตรียมเปิดโครงการ “แซงค์ รอยัล” แห่งใหม่ มูลค่า 1,600 ล้านบาทภายในปลายปีนี้ พร้อมเร่งปรับกลยุทธ์การขาย เจาะกลุ่มกำลังซื้อสูง เสริมศักยภาพการแข่งขัน ท่ามกลางความท้ายทายที่ตลาดอสังหาฯ ยังคงต้องเผชิญ