SEI ดีเดย์เทรด mai วันนี้ โบรกเคาะเป้า 5.50 บาท ชี้กำไรปี 67-68 โตต่อเนื่อง
ไอพีโอน้องใหม่ SEI เตรียมลงสนามเทรด mai วันนี้ ด้วยมาร์เก็ตแคป 527 ล้านบาท โบรกเคาะราคาพื้นฐาน 5.50 บาท ชี้กำไรปี 67-68 โตต่อเนื่อง หลังประเมินการเติบโตของตลาดนำเข้าเครื่องมือแพทย์ปี 67-68 เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 8%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ก.ย.67) บริษัท เอสอีไอ เมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ SEI เตรียมเข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SEI”
สำหรับ SEI ดำเนินธุรกิจโดยเป็นตัวแทนจำหน่ายและให้บริการเครื่องมือทางการแพทย์เป็นหลัก โดยบริษัทจัดหาสินค้าเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์จากผู้ผลิตชั้นนำจากต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่ 18 ราย จาก 11 ประเทศ จำแนกสินค้าเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิด กลุ่มสินค้าด้านความงาม กลุ่มสินค้าด้านการผ่าตัด และกลุ่มสินค้าอุปกรณ์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แก่ โรงพยาบาลรัฐบาล สถาบันการศึกษาแพทย์ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก เป็นต้น
โดยงวดครึ่งปีแรก 67 บริษัทมีรายได้จากการขายการ ให้บริการและอื่นๆ ในสัดส่วน 90 : 10 ตามลำดับ โดยเป็นรายได้จากการขายและบริการจากกลุ่มลูกค้าภาครัฐบาลร้อยละ 79 ของรายได้จากการขายและบริการทั้งหมดและกลุ่มสินค้าหลักได้แก่ กลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ ร้อยละ 52 กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิดร้อยละ 42 และกลุ่มสินค้าอื่นๆ ร้อยละ 6
ทั้งนี้ SEI มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 85 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 120 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 37.50 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 7.50 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 5.00 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 16-18 ก.ย.67 ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO ที่ 155 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 527 ล้านบาท
สำหรับการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 19.64 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ 1 ก.ค.66 จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.67) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.16 บาท โดยมีบริษัท อวานการ์ด แคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย
นายกานต์ ปุญญเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SEI เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ในอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ บริษัทมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ด้านสุขภาพของประชากร ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ขณะที่เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจรวมถึงการเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน ได้แก่ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการสั่งซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ใช้ในการขยายธุรกิจประเภทวัสดุสิ้นเปลืองตลอดจนโครงการร่วมลงทุนกับบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ ซึ่งอาจรวมถึงคลินิกหรือโรงพยาบาลเฉพาะทาง
อนึ่ง SEI มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ นายธีระ ปุญญเจริญสิน ถือหุ้นร้อยละ 35.29 และนายกานต์ ปุญญเจริญสิน ถือหุ้นร้อยละ 31.76 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 5.50 บาท/หุ้น จากความน่าสนใจของธุรกิจ SEI ด้วยผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องในปี 67-68 โดยอิงสมมติฐานกำไรปี 67 ที่ 37 ล้านบาท และปี 68 ที่ 56 ล้านบาท จำนวนหุ้นหลัง IPO ที่ 170 ล้านหุ้น EPS 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ 0.28 บาท/หุ้น จึงประเมิน PER เหมาะสมที่ 20 เท่า โดยการใช้ค่ากลาง (Median ) ของหุ้นกลุ่มธุรกิจจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ที่ลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกัน จะได้มูลค่าพื้นฐานที่ 5.50 บาท ตามที่ประเมินไว้
อีกทั้งยังมีมุมมองเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมเครื่องมือการแพทย์ที่ยังคงการเติบโตต่อเนื่อง จากข้อมูลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 62-66) อุตสาหกรรมธุรกิจเครื่องมือแพทย์ เติบโตเฉลี่ย CAGR 5% ณ สิ้นปี 66 มูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.1 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดนำเข้าเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเกี่ยวกับธุรกิจของ SEI เติบโตเฉลี่ย CAGR 8% อยู่ที่ 90,859 ล้านบาท ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ ประเมินการเติบโตของตลาดนำเข้าเครื่องมือแพทย์ ในช่วงปี 2567-2568 จะเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 8%
โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) การจัดสรรงบประมาณของประเทศเพื่อใช้งานในกระทรวงสาธารณสุขในปี 67 ที่เพิ่มขึ้น 13,462 ล้านบาท หรือเพิ่ม 8.8% นอกจากนี้ทาง Yunata Research คาดว่ายังได้ผลบวกจาก 2) การเติบโตของโรงพยาบาลหรือศูนย์การแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น เช่นศูนย์ rehabilitation center ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง ศูนย์IVF 3). กระแสความนิยมด้านสุขภาพมากขึ้น 4) การขยายธุรกิจของ รพ.ทั้งเอกชน และรัฐบาลต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้เครืองมือการแพทย์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม SEI มีแผนนำเม็ดเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ สั่งซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน ส่วนหนึ่งใช้ในโครงการร่วมลงทุนกับบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือทางการแพทย์ หรือลงทุนด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ส่งเสริมธุรกิจของบริษัทฯ