ORI รุกเปิดโครงการ “ทำเลทองภูเก็ต” ดึงยอดขายต่างชาติ 1 พันล้าน
ORI เปิดครึ่งปีหลัง กวาดยอดขายโครงการคอนโดใหม่จากต่างชาติในภูเก็ต 1,000 ล้านบาท ตั้งแต่ยังไม่เปิดขายทางการ เตรียมลุยเปิดโครงการใหม่ตอกย้ำความสำเร็จทำเลภูเก็ตต่อเนื่อง และชำระคืนหุ้นกู้ครบกำหนดช่วงครึ่งหลังปี 67 จำนวน 5 รุ่นเต็มจำนวน 3,875 ล้านบาท ตามกำหนด
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการกระจายโอกาสไปสู่การตลาดใหม่ๆ อาทิ ภูเก็ต ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัททยอยเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จากที่ได้รับการตอบรับดี ดีมานด์แกร่ง ล่าสุดบริษัทสามารถกวาดยอดขายจาก 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่ยังไม่เปิดขายอย่างเป็นทางการ ได้แก่ 1.โซ ออริจิ้น กะตะ ภูเก็ต (So Origin Kata Phuket) และ 2.ออริจิ้น เพลส เซ็นเตอร์ ภูเก็ต (Origin Place Centre Phuket) ในตึกที่เป็นโควตาของผู้ซื้อชาวต่างชาติ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท
“ตลาดที่ยังมีดีมานด์แข็งแกร่งในขณะนี้ คือตลาดที่มีลูกค้าหลากหลายกลุ่มในพื้นที่เดียว ทั้งตลาดซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ตลาดซื้อเพื่อลงทุน และตลาดต่างชาติ รวมไปถึงตลาดที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น ตลาดคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ การเลือกโฟกัสในตลาดที่ยังมีดีมานด์ จะมีส่วนสำคัญให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย” นายพีระพงศ์ กล่าว
อีกทั้ง ครึ่งปีหลังของปี 2567 นี้ ถึงแม้ภาพรวมสถานการณ์ตลาดหุ้นกู้ยังไม่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารสภาพคล่อง โดยครึ่งปีหลัง บริษัทสามารถชำระคืนหุ้นกู้พร้อมดอกเบี้ยได้ครบตามกำหนดทุกรุ่น ซึ่งมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ 5 รุ่น คิดเป็นวงเงินรวมประมาณ 3,875 ล้านบาท ได้แก่ 1. หุ้นกู้ครั้งที่ 2/2564 ชุดที่ 2 (ORI247A) อายุ 3 ปี ครบกำหนดวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 วงเงิน 1,431.7 ล้านบาท 2. หุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 1 (ORI247B) อายุ 2.22 ปี
โดยครบกำหนดวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 วงเงิน 535 ล้านบาท 3.หุ้นกู้ครั้งที่ 3/2566 ชุดที่ 1 (ORI248A) อายุ 1 ปี ครบกำหนดวันที่ 30 สิงหาคม 2567 วงเงิน 500 ล้านบาท 4.หุ้นกู้ครั้งที่ 3/2565 ชุดที่ 2 (ORI249A) อายุ 2 ปี ครบกำหนดวันที่ 1 กันยายน 2567 วงเงิน 807.8 ล้านบาท และ 5.หุ้นกู้ครั้งที่ 1/2566 ชุดที่ 3 (ORI249B) อายุ 1 ปี 6 เดือน ครบกำหนด วันที่ 22 กันยายน 2567 วงเงิน 600 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เราออกหุ้นกู้เพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนตามแผนการดำเนินงานและเป้าหมายธุรกิจที่วางไว้ เราจึงได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนทั้งกลุ่มสถาบันการเงิน และกลุ่มนักลงทุนรายย่อย เราขอขอบคุณนักลงทุนทุกรายที่ให้ความไว้วางใจ และจะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้”
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ปี 2559 บริษัทดำเนินการระดมทุนผ่านหุ้นกู้มาแล้วมากกว่า 30 ชุด โดยมีประวัติการชำระคืนที่ดีมาโดยตลอด จากที่บริษัทมีการวางแผนการออกและเสนอขายหุ้นกู้โดยคำนึงถึงจำนวนและระยะเวลาครบกำหนดเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ลักษณะการทยอยชำระจะสอดคล้องกับแผนพัฒนาโครงการและการรับรู้รายได้ของโครงการในอนาคตเนื่องจากบริษัทให้ความสำคัญกับการรักษาสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ตามแผนงาน และวัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้
นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสในพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากภูเก็ต เช่น แถบนิคมอมตะ-ชลบุรี ซึ่งเป็นแหล่งงานที่มีความต้องการทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่เองทำงานบริเวณนิคม และกลุ่มผู้ซื้อปล่อยเช่าลงทุนระยะยาว
ขณะที่ด้านการโอนกรรมสิทธิ์นั้น บริษัทยังมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (แบ็คล็อก) ณ ไตรมาส 2 /2567 มูลค่ารวมประมาณ 47,135 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 4/2567 บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่จะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ใหม่เป็นครั้งแรกเพิ่มเติมอีก 3 โครงการ ได้แก่ 1.โซ ออริจิ้น พหล 69 (So Origin Phahol 69) 2.ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สิรินธร สเตชั่น (Origin Plug & Play Sirindhorn Station) และ 3. ไนท์บริดจ์ สเปซ สุขุมวิท-พระราม4 (KnightsBridge Space Sukhumvit-Rama4) โดยมีแบ็คล็อกใน 3 โครงการ คิดเป็น มูลค่ากว่า 6,350 ล้านบาท หรือกว่า 85% ของมูลค่าโครงการ บริษัทจึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 163 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 2/2567) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 253,198 ล้านบาท
2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร