ด่วน! “คันทรี่กรุ๊ป“ เทยกเข่ง MFC จับตากลุ่มใหม่ขึ้นแท่นบริหาร “วายุภักษ์” 7.5 หมื่นล้าน
จับตา! กลุ่มทุนใหม่เข้าซื้อหุ้น MFC บนกระดาษ Big lot จำนวน 31.35 ล้านหุ้น คาด“คันทรี่กรุ๊ป“ เทยกเข่งขายเกลี้ยงพอร์ต หลัง MFC ได้สิทธิร่วมบริหารกองทุนร่วม “วายุภักษ์หนึ่ง” คนละครึ่งกับ KTAM คิดเป็นมูลค่า 7.5 หมื่นล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (24 ก.ย.67) หลัง SET Index ปิดทำการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เปิดเผยเกี่ยวกับรายการสรุปซื้อขายกระดานรายใหญ่ (Big lot) ของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ออกมาจำนวน 2 รายการ ด้วยปริมาณ 31.35 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 783.94 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ย 25.00 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าใครเป็นผู้ซื้อและผู้ขาย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบเชิงลึกของ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ในข้อมูลผู้ถือหุ้นของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC พบว่า บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGH ถือครองหุ้น MFC อยู่จำนวน 31,357,850 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 24.96% ซึ่งเท่ากับจำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายบนกระดานบิ๊กล็อตดังกล่าว จึงมีการคาดการณ์ว่า CGH เป็นผู้ที่จำหน่ายหุ้น MFC ออกมาทั้งจำนวน 31,357,850 หุ้น
สำหรับการขายหุ้น MFC ของ “คันทรี่กรุ๊ป” บนกระดาษ Big lot จำนวน 31,357,850 หุ้น เป็นที่น่าจับตามองผู้ถือหุ้นรายใหม่จะเป็นใคร เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า MFC ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้บริหารกองทุนรวม “วายุภักษ์หนึ่ง” ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM ซึ่งล่าสุดสามารถระดมทุนเพิ่มเติมได้เต็มจำนวน 1.5 แสนล้านบาท ดังนั้นบนสมมติฐานว่า MFC แบ่งสัดส่วนในการบริหารกองทุนรวม “วายุภักษ์หนึ่ง” รายละครึ่งหนึ่ง นั้นเท่ากับว่า MFC จะได้รับสิทธิในการบริหารกองทุนคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 7.5 หมื่นล้านบาท
หากรวมสัดส่วนการถือครองหุ้น MFC ของธนาคารออมสินที่จำนวน 1,332,781 หุ้น หรือ 24.94% กับกระทรวงการคลังที่จำนวน 20,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 15.92% ถือว่ายังคงมีจำนวนและสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มทุนใหม่ที่ซื้อหุ้นต่อมาจาก “คันทรี่กรุ๊ป” ดังนั้นผู้ถือหุ้นฝ่ายรัฐบาลจึงยังคงได้รับโควต้าที่นั่งกรรมการมากกว่าโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด และโดยปกติแล้วกรรมการก็จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการทำงานของบริษัทฯ
ปัจจุบันกองทุนรวม “วายุภักษ์หนึ่ง” สามารถจำหน่ายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนทั่วไปและสถาบันการเงินเต็มจำนวน 1.5 แสนล้าน และจะนำหน่วยลงทุนประเภท ก. เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ โดยผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนในตลาดรอง จะยังได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล เทียบเท่ากับผู้ซื้อหน่วยลงทุนในวันแรกที่ขั้นต่ำ 3% และขั้นสูง 9% พร้อมยังได้รับการคุ้มครองเงินต้นที่ราคาพาร์ 10 บาทด้วย
ทั้งนี้ กองทุนรวม “วายุภักษ์หนึ่ง” มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงการบริหารทั้งแบบเชิงรุก และแบบเชิงรับ ส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะเน้นลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคงในระยะยาว ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี อาทิ บริษัทที่อยู่ใน SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป หรือบริษัทนอก SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ที่สูงกว่า
นอกจากนี้ อาจพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอัตราผลตอบแทนดีหรือมีแนวโน้มเติบโตสูง มีสภาพคล่องและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี
อย่างไรก็ดีสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเป็นหน้าที่ KTAM และ MFC จะร่วมกันบริหารกองทุนฯ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นรายใหม่ของ MFC ที่ทำการซื้อขายบนกระดาษ Big lot ในวันนี้ ทีมข่าวจะรีบรายงานให้ทราบโดยทันที