“ทส.” เปิดซื้อขาย ”คาร์บอนเครดิตป่าชุมชน“ 121 แห่ง สู่เป้าหมาย Net Zero ยั่งยืน

“ทส.” ร่วมขับเคลื่อนโครงการ “ซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตป่าชุมชน สู่การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน” สอดคล้องนโยบายรัฐบาลผลักดันสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 50 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สุทธิเป็นศูนย์ในปี 65


วันนี้(25ก.ย.67) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)โดยกรมป่าไม้ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว “การซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชน สู่การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน” ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานในงานฯ โดยการจัดงานในครั้งนี้ทำให้ชุมชนที่ดูแลป่าได้รับประโยชน์จากการขายคาร์บอนเครดิต และจะได้นำเงินรายได้กลับมาดูแลรักษาป่า ตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าด้วยการรับ การเก็บรักษา และการใช้จ่ายเงินรายได้ของป่าชุมชน พ.ศ. 2565 เพื่อใช้ในการบริหารจัดการป่าชุมชน เพื่อให้ป่าชุมชนมีความสมบูรณ์ต่อไป

ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในนามรัฐบาล และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากการดำเนินงานคาร์บอนเครดิตจากจุดเล็ก ๆ ขยายผลการดำเนินงานการลดก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด โดยผ่านความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เริ่มมีความตื่นตัว ความตระหนัก และพร้อมให้ความร่วมมือเพื่อยกระดับการดำเนินงานต่อไป และขอเชิญชวนภาคเอกชน องค์กรชุมชน ที่สนใจ สนับสนุนป่าชุมชน เพื่อดำเนินโครงการอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการจัดการป่าชุมชน

ซึ่งนอกเหนือจากประโยชน์คาร์บอนเครดิตที่ได้รับสิทธิการแบ่งปันตามกฎหมายแล้ว ผลประโยชน์ร่วมที่ได้รับจากการที่ชุมชนช่วยกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู ปลูกเสริมป่า ป้องกันไฟป่า จะทำให้ป่ามีความอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งน้ำ ความมั่นคงด้านแหล่งอาหารให้กับชุมชน ชุมชนสามารถใช้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติ หรือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชน ส่งเสริมให้เกิดการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้างเศรษฐกิจ/รายได้ให้กับชุมชน จากผลิตภัณฑ์ในชุมชน หรือจากการศึกษาดูงาน

ขณะเดียวกันจะเป็นประโยชน์ในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่ประเทศไทยได้แสดงเจตจำนงเป้าหมายในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี พ.ศ 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2608 เพื่อยกระดับการดำเนินงานต่อไป

ด้านนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า โครงการเปิดตัว “การซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชน สู่การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน” ในครั้งนี้ได้มีวัตถุประสงค์ เพื่อประชาสัมพันธ์ ความสำเร็จของการจัดการป่าชุมชนบ้านโค้งตาบาง จังหวัดเพชรบุรี สู่ตลาดคาร์บอนเครดิตเป็นป่าชุมชนแห่งแรกของประเทศไทย พร้อมสร้างการรับรู้ศักยภาพของป่าชุมชนในการเก็บกักก๊าซเรือนกระจก และขยายผลส่งเสริมความร่วมมือภาคธุรกิจให้เข้ามาสนับสนุนป่าชุมชน

ทั้งนี้ป่าชุมชนบ้านโค้งตาบาง จังหวัดเพชรบุรี เป็นป่าชุมชนต้นแบบที่กรมป่าไม้ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO คัดเลือกเป็นพื้นที่นำร่อง โครงการ T-VER ภาคป่าไม้ โดยมีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บริษัท ราชกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมสนับสนุน ซึ่งมีคาร์บอนเครดิตที่รับรอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558-2565 จำนวน 5,259 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

อีกทั้งได้มีภาคธุรกิจ 3 บริษัท ได้แก่ 1) บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, 2) บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS และ 3) บริษัท ณ ฤทธิ์ จำกัด แจ้งความประสงค์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชนบ้านโค้งตาบาง จำนวนเงินกว่า 7 ล้านบาท เป็นเงินรายได้เข้าบัญชีทรัพย์สินส่วนกลางของป่าชุมชนบ้านโค้งตาบาง เพื่อให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชน นำไปใช้ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแล จัดการป่าชุมชน จึงนับได้ว่าป่าชุมชนบ้านโค้งตาบาง เป็นป่าชุมชนแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตเข้าสู่ตลาดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นต้นแบบและขยายผลไปยังป่าชุมชนทั่วประเทศ และปัจจุบันกรมป่าไม้ได้ขยายผลความสำเร็จ สร้างความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ซึ่งมีป่าชุมชนขอขึ้นทะเบียนโครงการ T-VER จำนวน 121 ป่าชุมชน และอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ 276 ป่าชุมชน

ดังนั้น ในอนาคตจะมีคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชนสู่ตลาดคาร์บอนเครดิต ให้ภาคเอกชนสามารถนำไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล เพื่อผลักดันสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2065

Back to top button