CGSI เปิดผลประเมิน “กลุ่มปิโตรเคมี” รับอานิสงส์ “จีน” กระตุ้นเศรษฐกิจ

CGSI มองกรณีรัฐบาล “จีน” ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ อาจยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเปลี่ยนทิศทางอุปสงค์ของผู้บริโภคที่กำลังอ่อนตัว อีกทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่ายังเป็นปัจจัยกดดันหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีไทย


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาดทุนและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ข้อมูลของ Bloomberg แสดงให้เห็นว่าราคา PVC Futures (polyvinyl chloride – อุปสงค์ส่วนใหญ่มาจากภาคก่อสร้าง) ในตลาด Dalian Commodity Exchange (DCE) ปรับขึ้น 2% ส่วนราคา LLDPE Futures (low-density polyethylene) และ PP Futures (low-density polyethylene) ปรับขึ้นไม่ถึง 1%

ทั้งนี้ ช่วงที่จีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่แล้วในเดือนพ.ค.67 ราคา PVC Futures ปรับขึ้น 6% หลังจากประกาศมาตรการสามวัน เมื่อวานนี้

ตามข้อมูลของ Chemical Market Analytics (CMA) สเปรด PVC-EDC (ethylene dichloride) ในเอเชียเพิ่มขึ้น เป็น 360-380 เหรียญสหรัฐ/ตันในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. 67 จาก 290 เหรียญสหรัฐ/ตันในเดือนม.ค.-เม.ย. 67  เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ EDC ลดลง และมีแรงหนุนจากอุปสงค์ตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม สเปรด PVC ในเอเชียลดลงมาที่ 350 เหรียญสหรัฐ/ตันตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/67 จนถึงปัจจุบัน เพราะอุปสงค์การนำเข้าจากอินเดียลดลง

ขณะที่สเปรด HDPE (high density polyethylene)-แนฟทาลดลงต่อเนื่องจาก 290 เหรียญสหรัฐ/ตันเดือน พ.ค. 67 เป็น 260 เหรียญสหรัฐ/ตันเดือนก.ย. 67 แม้ต้นทุนแนฟทาจะสูงขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ของ HDPE เกรดสำหรับการผลิตท่อที่ใช้ในการก่อสร้างไม่ได้เพิ่มมากนักหลังประกาศมาตรการในเดือนพ.ค.67 ส่วนสเปรด LDPE (Low density PE) เพิ่มขึ้น 13% จากเดือนพ.ค. 67 ผลจากการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนของโรงงานหลายแห่งในจีน, อินเดียและซาอุดิอาระเบีย รวมถึงอุปสงค์ตามฤดูกาลของฟิล์มเพื่อการเกษตร

ขณะเดียวกัน สเปรด PET (Polyethylene terephthalic) เพิ่มก้าวกระโดดจาก 60- 70 เหรียญสหรัฐ/ตันเดือนพ.ค.-ส.ค. 67 เป็น 90 เหรียญสหรัฐ/ตันเดือนก.ย. 67 จากการที่โรงงานหลายแห่งในจีนหยุดการผลิตนอกแผน จึงหักลบกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ฝ่ายวิเคราะห์ฯมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลดีเล็กน้อย

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ประมาณการว่า กำลังการผลิต PVC ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2.2%-3.4% จากปีก่อน, HDPE เพิ่มขึ้น 1.4%-6.5% และ PET เพิ่มขึ้น 2.8%-4.6% จากปีก่อน ในปี 68-69 แต่เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานของเคมีภัณฑ์ส่วนใหญ่ยังใช้กำลังการผลิตไม่เต็มที่ ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจึงต้องแข็งแกร่งพอที่จะเปลี่ยนทิศทางอุปสงค์ของผู้บริโภคที่กำลังอ่อนตัว ซึ่งมองว่ายังเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ในขณะนี้

นอกจากนี้ แม้ว่า Bloomberg อาจปรับเพิ่มประมาณการ EPS ในปี 68 ของ PTTGC และ IVL เพื่อสะท้อนค่าเสื่อมราคาที่ลดลงหลังบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าปี 67 ราว 2 หมื่นล้านบาทและ 1.7 หมื่นล้านบาทตามลำดับ แต่ไม่มั่นใจว่าจะส่งผลให้มีการปรับ core EBITDA จากสเปรดเคมีภัณฑ์ที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน EPS ของ SCC และ IRPC ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสเปรด PE/PP ที่อ่อนตัว อีกทั้งการแข็งค่าของเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯอาจกระทบกำไรของผู้ประกอบการกลุ่มปิโตรเคมีของไทย

Back to top button