GULF ปลื้ม! ขายหุ้นกู้ 2.5 หมื่นล้าน “สถาบัน-รายย่อย” แห่จองล้น 2 เท่า

GULF ปลื้มยอดจองหุ้นกู้ 5 ชุด รวม 2.5 หมื่นล้านบาท นักลงทุนสถาบัน-รายย่อยจองซื้อล้นกว่า 1.96 เท่า ขณะที่ “ทริสเรทดิ้ง” จัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ "A+" แนวโน้ม "คงที่"


บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 บริษัทฯ ได้ออกนั้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 25,000 ล้านบาท โดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน (Instituional Investors) และผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่เป็นจำนวนวนมาก

โดยแสดงความจำนงในการจองหุ้นกู้ของบริษัทฯ มากถึง 1.96 เท่า ของจำนวนที่ประสงค์จะเสนอขาย (Oversubscripton) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทฯ

สำหรับหุ้นกู้ที่บริษัทฯ เสนอขายในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 5 ชุด ได้แก่ 1.) หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.89% ต่อปี มูลค่า 2,500 ล้านบาท, 2.) หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.15% ต่อปี มูลค่า 2,687 ล้านบาท, 3.) หุ้นก็อาย 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.28% ต่อปีมูลค่า 10,013 ล้านบาท, 4.) หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.53% ต่อปี มูลค่า 4,800 ล้านบาท และ 5.) หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.76% ต่อปี มูลค่า 5,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยคงที่เท่ากับ 3.37% และอายุเฉลี่ยหุ้นทันกับ 6.08 ปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” และหุ้นก็ได้รับการจัดอันดับในระดับ “A” แนวโน้ม “คงที่” จาก บริษัท ทริสเรทดิ้ง จำกัด โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ธนาคาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชม) หรือ KTB, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BYD บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคืนภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ซึ่งได้เปิดจองชื่อหุ้นก็ระหว่างวันที่ 23-25 กันยายน 2567 และได้ออกหุ้นกู้ในวันที่ 26 กันยายน 2567

โดยการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก แม้ว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นกู้จะยังคงมีความผันผวนท่ามกลางความกังวลและความระมัดระวังในการลงทุนในหุ้นหุ้นกู้ของนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดจากนักลงทุน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ และการเติบโตอย่างต่องของธุรกิจของบริษัทฯ โดยการระคมทุนดังกล่าว ส่วนหนึ่งจะนำไปคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในเดือนกันยายน อีกส่วนหนึ่งนำไปคืนหนี้สินระยะสั้นของบริษัทฯ และส่วนที่เหลือเพื่อรองรับการขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ต่อไป

Back to top button