“ดาวโจนส์” ปิดบวก 260 จุด ขานรับ GDP ไตรมาส 2 สหรัฐขยายตัว 3%

“ดาวโจนส์” ปิดบวก 260 จุด หลัง GDP ไตรมาส 2/67 สหรัฐขยายตัว 3% สอดคล้องคาดการณ์ ส่วนอัตราว่างงานต่ำสุดในรอบ 4 เดือน พร้อมได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน แสดงทิศทางเศรษฐกิจแข็งแกร่ง


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (27 ก.ย. 67) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกในวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ และข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,175.11 จุด เพิ่มขึ้น 260.36 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 0.62%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,745.37 จุด เพิ่มขึ้น 23.11 จุด เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,190.29 จุด เพิ่มขึ้น 108.09 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 0.60%

โดยหุ้น Micron Technology ปิดตลาดพุ่งขึ้น 14.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2567 ที่สูงเกินคาด และเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 1/2568 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของความต้องการชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) ที่ใช้ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ขณะที่ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Micron เป็นปัจจัยหนุนหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ พุ่งขึ้นด้วย โดยหุ้น Qualcomm ดีดขึ้น 2.6% หุ้น Intel พุ่งขึ้น 1.6% หุ้น Broadcom พุ่งขึ้น 1.4% และหุ้น AMD ทะยานขึ้น 3.4% ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 3.77%

อีกทั้ง ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 3 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2567 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 3.0% ซึ่งสอดคล้องกับการประมาณการครั้งที่ 2 หลังจากมีการขยายตัวเพียง 1.4% ในไตรมาส 1/2567 โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน

โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 224,000 ราย

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นตามราคาโลหะ หลังจากคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลังเพื่อให้จีนบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจและยับยั้งการทรุดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับสั่งการให้เร่งบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ตามที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ประกาศไว้ในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ Freeport-McMoRan พุ่งขึ้น 7.45%, หุ้น Albemarle ทะยานขึ้น 9.92% หุ้น Arcadium Lithium พุ่งขึ้น 9.1% หุ้น Southern Copper พุ่งขึ้น 8.23%

ส่วนหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเช่นกัน โดยหุ้น Li Auto พุ่งขึ้น 7.13%  หุ้น PDD Holdings ทะยานขึ้น 13.28% และหุ้น Alibaba พุ่งขึ้น 10.08%

เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้กล่าวสุนทรพจน์ในช่วงเปิดการประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ โดยกล่าวถึงความสำคัญของตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีต่อเศรษฐกิจโลก โดยระบุว่าพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทสำคัญในการแปลงเป็นเงินสดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในยามที่เกิดภาวะตึงตัวในระบบการเงิน แต่พาวเวลไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินหรือส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้

ขณะที่ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

Back to top button