MALEE ทวงบัลลังก์ “น้ำผลไม้” โบรกชี้ธุรกิจ “เทิร์นอะราวด์” เป้าสูง 17.70 บาท อัพไซด์ 34%

“บล.กรุงศรี” แนะนำ “ซื้อ” หุ้น MALEE ราคาเป้าหมาย 17.70 บาท ดันอัพไซด์พุ่ง 34% คาดการณ์กำไรสุทธิ 3 ปี เติบโตเฉลี่ย 21% ต่อปี เทิร์นอะราวด์ต่อเนื่องหลังควบรวมกับ ABICO ในปี 65


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (27 ก.ย.67) ประเมินมูลค่าพื้นฐานของบริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ในปี 68 ที่ 17.70 บาท/หุ้น ด้วย PE ที่ 24 เท่า ใกล้เคียงกลุ่ม และเทียบเท่า PEG ที่ 1.2 เท่า ของการเติบโตเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า 21% ต่อปี มี discount จากกลุ่มที่ PEG เฉลี่ย 1.5 เท่าและเติบโต 15% ต่อปี

โดย MALEE มีความน่าสนใจจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มสินค้าสุขภาพสูงที่กำลังเทิร์นอะราวด์หลังควบรวมกับ ABICO ช่วยลดต้นทุนและลดความผันผวนของธุรกิจ รวมถึงอุตสาหกรรมน้ำผลไม้กลับมาเติบโต และ MALEE มี Marketshare ขึ้นเป็นอันดับ 1

นอกจากนี้ MALEE มีแบรนด์น้ำมะพร้าวที่เป็นสินค้าเด่นไทยจะมีโอกาสสูง รวมถึงอัพไซด์ใหม่ๆ ได้แก่ การสินค้าน้ำมะพร้าวใหม่ และออเดอร์ OEM ใหญ่ 2 รายเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2/67 โดยฝ่ายวิจัยรวมอัพไซด์ดังกล่าวในประมาณการแล้ว

สำหรับ MALEE เป็นผู้ผลิตเครื่องดื่ม ที่มีสินค้าสุขภาพสูงถึง 94% ของรายได้รวม สูงสุดในกลุ่มฯ (นม 42%, น้ำผลไม้ 25%, น้ำมะพร้าว 21%, ผลไม้กระป๋อง 6%) ที่มีทั้งสินค้าแบรนด์บริษัท (38%) และ OEM (62%) และรายได้ไทย/ต่างประเทศ 60%/40% โดยธุรกิจจะเทิร์นอะราวด์กลับสู่รอบที่ดี หลังปรับโครงสร้างองค์กรควบรวมกับ ABICO (ผลิตภัณฑ์หลักคือนม) เสร็จในไตรมาส 4/65 ทำให้ภาพธุรกิจลดความผันผวน หลังได้ Product champion เพิ่มกลุ่มนม จากเดิมมีน้ำผลไม้+น้ำมะพร้าว และรายได้สม่ำเสมอกว่า และ Net Margin ใกล้เคียงกัน

ขณะที่ธุรกิจมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทั้งปรับเปลี่ยนผู้บริหาร เด่นการตลาด, ปรับลดบุคลากร และการทำงานภายใน, จัดซื้อร่วม และลดสินค้า Slow moving ไปราว 20% ของทั้งหมด มาเน้นกลุ่มขายดี โดยการโตจากนี้จะเน้นทั้งแบรนด์ และ OEM ทั้งไทยและต่างประเทศ

ทั้งนี้ น้ำมะพร้าว (21% ของรายได้) เป็น New S Curve มีจุดเด่นเป็นสินค้ามีชื่อของไทย และ MALEE มีแบรนด์น้ำมะพร้าวเป็นของตนเอง (Market share อันดับ 2 ที่ 36%) จะมีศักยภาพสูงในต่างประเทศ ซึ่งสินค้าล่าสุด (Malee coco Liposos) ขายใน 7-11 มีผลตอบรับดี

รวมถึงน้ำมะพร้าวเป็นโอกาสต่อตลาดต่างประเทศที่เติบโตเร็ว +116% และ +60% ในปี 66 และ 8 เดือนแรกของปี 67 ตามลำดับ ทั้งรูปแบบแบรนด์และ OEM ที่่บริษัทจะเจาะตลาดมากขึ้น โดยเน้นในประเทศที่บริษัททำการตลาดอยู่ก่อนแล้ว (จีน,เกาหลี, สหรัฐ,อินโด) ทั้งนี้ MALEE เป็นผู้มียอดส่งออกน้ำมะพร้าวในจีน / เกาหลี / สหรัฐ อันดับ 3 / 1 / 2 จากไทย

โดยในไทยภาพอุตสาหกรรมน้ำผลไม้เริ่มฟื้นตัวกลับมาโต 11% / 10% ในปี 66 / ครึ่งแรกของปี 67 ครั้งแรกในรอบ 6 ปี จากกระแสรักสุขภาพและกลุ่ม Functional drink ลดลง โดย Market share MALEE ขึ้นเป็นเบอร์ 1 แล้วที่ 22% ในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิ 3 ปี เติบโต 21% CAGR ที่ 324 ล้านบาท (โต 303%) / 402 ล้านบาท (โต 24%) / 479 ล้านบาท (โต 19%) จากรายได้ที่กลับมาโตเฉลี่ย 10% ต่อปีใกล้เคียงเป้าหมายบริษัทกำหนด Double digit growth ภายใต้ U rate ขึ้นจากครึ่งแรกของปี 67 53% เป็น 64% ปี 68

โดยสินค้าแบรนด์เติบโตเฉลี่ย 17% และสัดส่วนสินค้าแบรนด์จะปรับขึ้นจาก 40% ปี 66 เป็น 45% ปี 68 (ต่ำกว่าเป้าบริษัทที่กำหนด 50% ใน 3 ปีข้างหน้า) จากการต่อยอดกลุ่มน้ำผลไม้และน้ำมะพร้าวที่บริษัทเริ่มเปิดตลาดแล้ว ขณะที่ Gross margin จะปรับเพิ่มจาก 16.3% ปี 66 เป็น 20.5% ปี 69 ตามสัดส่วนสินค้าแบรนด์ (Gross margin สูงกว่า OEM ราว 20%) ด้าน Outlook ระยะสั้นช่วงครึ่งหลังของปี 67 บริษัทปรับราคาสินค้าแบรนด์ในไทยขึ้นเฉลี่ยราว 5% ตั้งแต่ 1 ก.ย. เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยมอง Margin จะดีขึ้น

รวมถึงสินค้าใหม่ผลตอบรับดี โดยมองกำไรครึ่งหลังของปี 67 ฟื้นตัวแรงจากปีก่อน (ลดลงจากช่วงเดียวกันของครึ่งปีก่อนจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น)

ขณะที่ปี 68 เริ่มเห็นทิศทางที่ดีหลังบริษัทได้ออเดอร์ OEM จากลูกค้าใหม่อีก 2 รายที่มีนัยยะสำคัญ เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2/68 (รวมในประมาณการปี 68 ที่ 263 ล้านบาท อิง conservative)

Back to top button