ฉลุย “คลัง” โอนเงินหมื่น “กลุ่มเปราะบาง” 3 วันเฉียด 12 ล้านราย

พรชัย ฐีระเวช โฆษกกระทรวงการคลัง เผยรัฐบาลโอนเงินหมื่น ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-คนพิการ สำเร็จแล้ว 11.86 ล้านราย แนะผูกบัญชีพร้อมเพย์ เลขประจำตัวประชาชน รับเงินต่อเนื่องภายใน 22 ต.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (29 ก.ย.67) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษก กระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการโอนเงินตาม โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ (โครงการฯ) ซึ่ง กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้โอนเงินให้กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นมา

สำหรับผลการโอนเงินผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2567 ให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 4 – 7 จำนวน 4.51 ล้านราย พบว่า มีการโอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 129,373 ราย ซึ่งทำให้มียอดสะสมของการโอนเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายสำเร็จแล้วรวม ทั้งสิ้น 11.86 ล้านราย และการโอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 319,8180 ราย จากเป้าหมายการโอนเงินที่ 12.19 ล้านราย

ทั้งนี้ ในภาพรวมมีสาเหตุการโอนเงินไม่สำเร็จของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ได้แก่

1.คนพิการ เกิดจากปัญหาบัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น

2.ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เกิดจากปัญหายังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น

โดยขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือ ติดต่อธนาคารเพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้น ภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 เพื่อให้ได้รับการจ่ายเงินซ้ำได้ทันภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567

นอกจากนี้ สำหรับคนพิการจำนวนประมาณ 9 หมื่นราย ที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุหรือข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการโอนเงินเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 แนะนำให้ดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้อง ภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เพื่อให้ได้รับการจ่ายเงินซ้ำได้ทัน ภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วจำนวน 118,642.26 ล้านบาท และขอให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับเงินส่วนนี้แล้ววางแผนการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและครอบครัว

Back to top button