จังหวะสอย 25 หุ้นเป้า “วายุภักษ์” จับตาเม็ดเงิน 1.5 แสนล้าน ทยอยเข้าตลาดวันนี้!
จับตาเม็ดเงิน 1.5 แสนล้านบาท “วายุภักษ์ หนึ่ง” ทยอยเข้าตลาดหุ้นไทยวันนี้ โบรกฯ ย้ำวายุภักษ์ฯ หนุนหุ้นไทยไตรมาส 4/67 แน่ แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์จากกองทุนฯ และอยู่ใน Thai ESG เช่น AOT-KTB-PTT-CPALL-SCC-MINT-CRC-HMPRO-SCGP-ADVANC-GULF-KBANK-BBL-WHA เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง มีกำหนดจะเริ่มใส่เงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้ (1 ต.ค. 2567) ก่อนที่จะนำหน่วยลงทุน (ประเภท ก.) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพยฯ วันที่ 7 ต.ค.นี้
ด้าน นายวราห์ สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU 1) กล่าวว่า การเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นผู้ลงทุนรายย่อย และผู้ลงทุนสถาบันและนิติบุคคลเฉพาะกลุ่ม ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีปริมาณความต้องการลงทุนกว่า 190,000 ล้านบาท สูงกว่ามูลค่าการเสนอขายรวม 150,000 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยตรวจสอบผลการจัดสรรหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้ทางเว็บไซต์ www.settrade.com/ipo/VAYU1
ขณะที่ นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU 1) กล่าวว่า กองทุนฯ จะเริ่มลงทุนตามนโยบายการลงทุนตั้งแต่เดือน ต.ค. 2567 โดยมีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ ภายใต้การบริหารแบบเชิงรุก (Active Investment) และแบบเชิงรับ (Passive Investment)
โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานและสภาพคล่องที่ดี มีความมั่นคงในระยะยาว ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี อาทิ บริษัทที่อยู่ใน SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป หรือบริษัทนอก SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ที่สูงกว่า
นอกจากนี้ อาจพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอัตราผลตอบแทนดี หรือมีแนวโน้มเติบโตสูง มีสภาพคล่องและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี
ด้านนายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU 1) กล่าวว่า หน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับการจัดสรรเป็นรูปแบบไร้ใบหน่วย (Scripless) อย่างไรก็ตามผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถแจ้งขอออกใบหน่วยลงทุนได้ ภายหลังจากที่บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD ได้ฝากหน่วยลงทุนตามจำนวนที่ได้รับจัดสรรเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง หรือบัญชี 600 และหน่วยลงทุนประเภท ก. เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว โดยมีค่าธรรมเนียมตามที่ TSD กำหนด
ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้หลังจากหน่วยลงทุนประเภท ก. เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยคาดว่าหน่วยลงทุนประเภท ก. จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก ในวันที่ 7 ต.ค. 2567 อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนที่ฝากหน่วยลงทุนไว้กับ TSD ในบัญชี 600 ต้องโอนหน่วยลงทุนเข้าบัญชีหลักทรัพย์ของตนเองก่อนจึงจะสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนดังกล่าวผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทุกวันทำการของตลาดหลักทรัพย์ฯ
พร้อมกับสามารถโอนหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้อย่างเสรี โดยราคาหน่วยลงทุนประเภท ก. ในตลาดรองจะเปลี่ยนแปลงไปตามกลไกของราคาตลาด และผู้ลงทุนรายย่อยที่ได้รับผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลจากการลงทุนในหน่วยลงทุนประเภท ก. จะมีอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10%
แนะธีมหุ้นเป้ากองทุนฯ
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เผยว่า เม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหนุนตลาดในงวดไตรมาส 4/2567 มีนัยสำคัญ โดยการลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ที่กระจายมากขึ้นสู่หุ้นที่มี ESG Score สูง ๆ จะหนุนทั้งฝั่งวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท และเม็ดเงินการลงทุนลดหย่อนภาษีกองทุน Thai ESG ซึ่งเกณฑ์มีความจูงใจ (ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ วงเงินสูง 3 แสนล้านบาท แยกจากวงเงินลดหย่อนภาษีรูปแบบเดิม) จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยรวมมองเม็ดเงินลงทุนเร่งขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2567 สูงถึงราว 1.7-1.8 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุน แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์จากกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง และอยู่ใน Thai ESG ใน 5 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่คลังถือหุ้น, อยู่ในกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง และเติบโตดีในปี 2567-2568 ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT
กลุ่มที่ 2 หุ้นอยู่ในกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง และซื้อขายในระดับ Valuation Zone การเติบโตดี ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, และบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP
กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูง เติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF
กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์จากกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ดิวิเดนด์ยีลด์ปี 2567-2568 สูงมากกว่า 5% และอยู่ใน Thai ESG ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, HMPRO, และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH และ
กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรตติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 เรตติ้ง AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2567-2568 เกณฑ์ดี ได้แก่ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXTT, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, CRC, HMPRO, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า เม็ดเงินกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท จะทยอยเข้ามาในตลาดหุ้นตั้งแต่เดือน ต.ค. 2567 จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนต่อดัชนีหุ้นไทยอยู่ในรอบปรับขึ้น แต่เนื่องจากดัชนีหุ้นไทยบวกไป 12% ตั้งแต่ 14 ส.ค.-27 ก.ย. 2567 หลัก ๆ มาจากต่างชาติที่ซื้อสุทธิ 2.6 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิใน NVDR รวม 2.1 หมื่นล้านบาท หากพิจารณาเฉพาะหุ้นที่ถูกซื้อสุทธิใน NVDR พบว่าเม็ดเงิน 75% ซื้อหุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์เดิม สะท้อนถึงมีการเก็งกำไรล่วงหน้าบ้างแล้ว การเลือกลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่งจากนี้ จึงต้อง Selective เพื่อลดความเสี่ยง NVDR ขายทำกำไร
ดังนั้น ในทางกลยุทธ์ คัดกรองหุ้นที่เม็ดเงินกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เข้าหนุน มีอัพไซด์ในเชิงพื้นฐานมากกว่า 10% และเป็นหุ้น NVDR ซื้อสุทธิแต่กำไรไม่มาก (กำไรน้อยกว่า 5%) จะได้หุ้นน่าสนใจ เช่น CPN, CK, BEM, BH และ CPF