“สหรัฐ” ทุ่มงบ 1.2 พันล้านเหรียญ เน้นซ่อมบำรุงเรือรบ-เติมสต็อกขีปนาวุธ
กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา เตรียมทุ่มงบ 1.2 พันล้านดอลลาร์ เน้นซ่อมบำรุงเรือรบในทะเลแดงและเติมสต็อกคลังขีปนาวุธ ช่วยตอบสนองต่อสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (4 ต.ค.67) สำนักข่าว “บลูมเบิร์ก” รายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา (เดอะ เพนตากอน) เตรียมทุ่มงบประมาณประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบำรุงรักษาเรือรบในทะเลแดงและเติมสต็อกคลังขีปนาวุธที่เพิ่งใช้ไปในการต่อต้านการโจมตีจากอิหร่านและพันธมิตรอย่างกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน
อนึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อ 6 ก.ย.67 ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหม ได้ยื่นเอกสารงบประมาณต่อรัฐสภา เพื่อเปิดเผยค่าใช้จ่ายในการรักษาปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลางจากสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน รวมถึงการป้องกันโดรนและขีปนาวุธที่อิหร่านและกลุ่มฮูตีในเยเมนปล่อยออกมา ซึ่งเอกสารดังกล่าวระบุว่าการซื้อขีปนาวุธของบริษัทอาร์ทีเอ็กซ์ คอร์ป (RTX Corp.) เข้ามารีสต็อกใช้เงินประมาณ 190 ล้านดอลลาร์ และเงินอีก 8.5 ล้านดอลลาร์จะถูกใช้เพื่อซื้อขีปนาวุธติดตามคลื่นความร้อน
นอกจากนี้เอกสารงบประมาณดังกล่าวยังระบุว่า เพนตากอนของบประมาณ 276 ล้านดอลลาร์ สำหรับซื้อขีปนาวุธเอสเอ็ม-6 (SM-6) และ 57.3 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์ก (Tomahawk) รวมถึงอีก 6.7 ล้านดอลลาร์สำหรับขีปนาวุธเอนฮานซ์ ซี สแปร์โรว์ (Enhanced Sea Sparrow) โดยขีปนาวุธทั้งหมดนี้ผลิตจาก บริษัทอาร์ทีเอ็กซ์ คอร์ป
อย่างไรก็ดี กลาโหมสหรัฐฯ ยังซื้อชุดอุปกรณ์นำวิถีด้วยจีพีเอส (GPS) ด้วยงบ 25 ล้านดอลลาร์ที่ผลิตโดยบริษัทโบอิ้ง (Boeing) และซื้อระเบิดขนาดเล็กราว 7.4 ล้านดอลลาร์ ในส่วนอีก 25 ล้านดอลลาร์จะทุ่มงบเพื่อกระตุ้นการผลิตขีปนาวุธมาตรฐานเพื่อช่วยตอบสนองต่อสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน