“เอเซีย พลัส” คัด 29 หุ้นเด่น เล่นรอ “ฟันด์โฟลว์” ไหลกลับ

“บล.เอเซีย พลัส” คัด 29 หุ้นเด่นธีมเป้ากองทุกวายุภักษ์-รับประโชย์บาทอ่อนค่า ช่วงระหว่างรอฟันด์โฟลว์นักลงทุนสถาบันในประเทศไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้น


บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASPS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องมา 9 วัน รวม 1.67 หมื่นล้านบาท ซึ่งมองว่าเป็นการตอบสนองต่อภาพการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ที่คาดการณ์ว่าจะลดในอัตรา 0.25% จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะลด 0.5% ในการประชุมเดือน พ.ย.67 อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการไหลเข้าตลาดจีนตอบสนองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่

อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าด้วยจุดเด่นเรื่องเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตโดดเด่น และ VALUATION ที่ไม่แพง น่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินกลับมาได้

ทั้งนี้ในช่วงที่รอการกลับมาของ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนสถาบันในประเทศที่มีเงินเข้ามาจาก วายุภักษ์+THAILAND ESG FUND ก็ทำหน้าที่พยุง SET INDEX ได้เป็นอย่างดี ทำให้ DOWNSIDE จำกัด

โดยในเชิงกลยุทธ์ยังเห็นว่าสามารถสะสมหุ้นได้ โดยเน้นหุ้นที่ ESG RATING สูงเป็นหลัก ซึ่งในระยะสั้นเชื่อว่า SET INDEX ยังอาจจะผันผวนได้อยู่ แต่น่าจะมี DOWNSIDE จำกัด

ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางน่าเป็นห่วงมากขึ้น นับตั้งแต่อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยทั่วโลกต่างเฝ้าจับตาความเสี่ยงสถานการณ์บานปลาย หากอิสราเอลโจมตีกลับโครงสร้างพื้นฐานพลังงานอิหร่าน และเกิดการปิดช่องแคบฮอร์มุซ โดยความกังวลดังกล่าวได้ส่งผ่านไปยังราคาน้ำมันขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

โดยราคาน้ำมันดิบ WTI วิ่งขึ้นยืนเหนือ 77 เหรียญฯ/บาเรล แล้ว และเฉลี่ยทั้งเดือน ต.ค. 67 อยู่ที่ 73.7 เหรียญฯ/บาเรล หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.5% นับตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาองค์ประกอบเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีสัดส่วนพลังงานราว 7.2% โดยจากข้อมูลในอดีต ช่วงที่ราคาน้ำมันชะลอตัวลงมักจะกดดันให้เงินเฟ้อทยอยปรับตัวลดลงตามไปด้วย แต่ในทางกลับกัน ช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจะหนุนให้เงินเฟ้อขยับขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ชัดในปี 65 ช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาน้ำมันวิ่งทะลุ 100 เหรียญฯ/บาเรล จนเงินเฟ้อขึ้นไปทำจุดสูงสุด ขยายตัว 9% จากปีก่อน ทำให้ FED จำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด เร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ด้านกระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือน ก.ย.67 เพิ่มขึ้น 0.61% จากปีก่อน (ต่ำกว่าคาดการณ์ 0.8%) โดยราคาสินค้าที่ปรับตัวลดลง อาทิ น้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภค ส่งผลให้เงินเฟ้อไทย 9 เดือนแรก 0.2% AOA ส่วน CORE CPI ล่าสุดโต 0.77% จากปีก่อน ตามคาดการณ์ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 0.62% ส่งผลให้เฟ้อพื้นฐานไทยช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 ขยายตัวเพียง 0.48% AOA

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์เงินเฟ้อไทยไตรมาส 4/67 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาส 3/67 โดยมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบโลกอาจขยับขึ้น บวกกับผลกระทบน้ำท่วม (สินค้าเกษตร & อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านและครัวเรือน เสี่ยงราคาขึ้น) และยังเป็นช่วง HIGH SEASON ท่องเที่ยว ด้านกระทรวงพาณิชย์ประเมินเงินเฟ้อปีนี้ไว้ที่ 0.5%

ส่วนของฝ่ายวิจัย ASPS ประเมินว่า แม้บ้านเราจะมีโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เข้ามาช่วยผลักการใช้จ่ายปลายปี แต่เงินเฟ้อไทยยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายรัฐบาลที่ 1-3% สะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการใช้ทั้งนโยบายการเงินผ่อนคลาย อย่างการลดดอกเบี้ยสัก 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากวัฏจักรดอกเบี้ยโลกมีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ ท่ามกลางทิศทางเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเป็นไปตามคาดการณ์ของธนาคารกลางต่างๆ นำโดยการปรับลดดอกเบี้ยของ ECB – 0.5% (2 ครั้ง) BOE -0.25% (1 ครั้ง) และ FED -0.5% (1 ครั้ง)

นอกจากนี้กลุ่ม TIP ทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ต่างเริ่มปรับลดดอกเบี้ย 0.25% (1 ครั้ง)

ทั้งนี้ สภาวะปกติของตลาดหุ้นไทย CORRELATION ระหว่าง FLOW ต่างชาติ กับค่าเงินบาท มีทิศทางสวนกันเสมอ โดยหากใช้ข้อมูลตั้งแต่ต้นปี 2023-ปัจจุบัน มีค่า CORRELATION -0.50 ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะล่าสุดที่ตั้งแต่ต้นเดือน ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1.1 หมื่นล้านบาท และ ขายสุทธิตราสารหนี้ไทย 1.9 หมื่นล้านบาท กดดันค่าเงินบาทอ่อนค่าแรง 3.8% นับตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม SET ปรับตัวลงเพียง 0.3% เท่านั้น เนื่องจากมีแรงพยุงจากฝั่งสถาบัน 1.5 หมื่นล้านบาท (วายุภักษ์เริ่มซื้อหุ้นไทยตั้งแต่ 1 ต.ค.67) และมีมาตรการดูแลจากทางตลาดหลักทรัพย์ที่เข้มข้นขึ้น

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ จึงแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

1.หุ้นในวายุภักษ์ที่มี ESG RATING A ขึ้นไป และราคาหุ้นสวนทาง SET กล่าวคือนับตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปัจจุบันปรับตัวลง > -2% ขณะที่ SET -0.3% เท่านั้น อาทิ TTB, IVL, CENTEL, OR, AWC, BGRIM, LH, OSP, KKP

2.หุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อนค่า อาทิ HANA, DELTA, KCE, TU, ITC, CPF, GPFT, STA, NER, STGT, SCC, AOT, AAV, MINT, CENTEL, ERW, BH, BDMS, PR9, BCH

Back to top button