ดักเก็บ 11 รับอานิสงส์ “จีน” ปั๊มเศรษฐกิจ 15 ล้านล้าน

จังหวะเก็บ 11 หุ้นเด่น รับอานิสงส์ “จีน” เตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อัดฉีดเงิน 10-15 ล้านล้านบาท หนุนการบริโภคในประเทศ “บล.กรุงศรี” มองบวกหุ้นกลุ่มที่มีธุรกิจเชื่อมโยงจีนเร่งตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มโรงแรม สายการบิน และค้าปลีก คึกรับยอดนักท่องเที่ยวจีน ช่วง Golden Week พุ่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีวานนี้ (8 ต.ค.) นายเจิ้ง ซานเจี๋ย หัวหน้าคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) เปิดเผยว่า NDRC จะมีแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แต่ยังไม่เปิดเผยขนาดของเม็ดเงินและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจคือ NDRC เน้นถึงการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างรอบด้าน โดยมองความเสี่ยงภายนอกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ภาพรวมบริษัทภายในประเทศยังไม่สามารถปรับตัวให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้ อย่างไรก็ตามยังมองพื้นฐานเศรษฐกิจจีนแข็งแกร่งและยังมีศักยภาพสูง และให้ความเชื่อมั่นว่าจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ระดับ 5.0% ได้ในปีนี้

ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าจะมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจีนประมาณ 2-3 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 10-15 ล้านล้านบาท ที่ตลาดคาดว่าที่ประชุมสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress : NPC) จะประกาศตัวเลขออกมาในวันที่ 31 ต.ค. 2567 นี้

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่นับจากนี้ จะเน้นการขยายอุปสงค์ภายในประเทศ, สนับสนุนการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ และส่งเสริมความมีเสถียรภาพของตลาดทุน โดยประธาน NDRC ระบุว่าจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมหภาคในเชิงรุก เพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ และแก้ไขปัญหาหนี้สิน นอกจากนี้จะดำเนินมาตรการปฏิรูปเพื่อสร้างตลาดระดับชาติที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ สำหรับการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ จะให้ความสำคัญกับชนชั้นกลาง-ล่างเป็นหลัก

ขณะที่ ทางการจีนจะเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2568 ล่วงหน้า มูลค่า 1 แสนล้านหยวน โดยจะใช้ในโครงการก่อสร้างเชิงยุทธศาสตร์

ส่วนธุรกิจขนาดกลางเล็กและภาคอสังหาริมทรัพย์จีนจะสนับสนุนการระดมทุนให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และเพิ่มการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาสต๊อกที่อยู่อาศัยที่มีอยู่ การสนับสนุนจะรวมถึงการออกพันธบัตรพิเศษและมาตรการอื่น ๆ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่ได้ใช้งาน นอกจากนี้ยังจะมีการปรับนโยบายจำกัดการซื้อบ้าน เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยขั้นพื้นฐานและการซื้อบ้านเพื่อการปรับปรุง

ด้าน นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองการแถลงแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจโดย NDRC วานนี้ (8 ต.ค. 2567) เป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าทางการจีนเตรียมจะออกมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่ 1)การบริโภคภายในประเทศ 2)ธุรกิจ SMEs และภาคอสังหาริมทรัพย์ และ 3)การส่งเสริมตลาดทุน โดยประมินรายละเอียดของมาตรการจะทยอยออกมาอีกนับจากนี้

โดยเฉพาะในช่วงการประชุมสมาชิกสภาประชาชนจีน NPC ที่มีวาระจะจัดขึ้นวันที่ 31 ต.ค. 2567 นี้ ตลาดฯ คาดว่าจะมีเม็ดเงินประมาณ 2-3 ล้านล้านหยวน (2-3% ของ GDP จีน) ที่ตลาดคาดหวังน่าจะประกาศออกมา จะหนุนให้มีการบริโภคโดยเร่งงบประมาณให้เร็วขึ้น ช่วยกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและนักศึกษาจบใหม่

ขณะที่ การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์โดยการดูดซัพพลายออกจากตลาดฯ ส่งเสริมให้มีการลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น โดยดึงเม็ดเงินลงทุนในโครงการก่อสร้าง จะส่งให้ราคาวัสดุก่อสร้างและปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น

สำหรับในเชิงกลยุทธ์การลงทุนมองเป็นบวกต่อหุ้น China Play เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มที่มีธุรกิจเชื่อมโยงกับจีนเร่งตัวขึ้น นำโดย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ราคาเป้าหมาย 290 บาท, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ราคาเป้าหมาย 19 บาท, บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ราคาเป้าหมาย 33 บาท, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาเป้าหมาย 32 บาท ได้ประโยชน์จากธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัว, บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ราคาเป้าหมาย 44 บาท ได้ประโยชน์จากการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่คาดว่าจะประกาศเพิ่มเติมในวันที่ 30 ต.ค.นี้ โดยเฉพาะนโยบายด้านการคลัง คาดว่าจะมีเม็ดเงินออกมามากพอสมควร ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) ได้แก่ น้ำมัน ปิโตรเคมี สินค้าที่ส่งออกไปจีน

“หุ้นกลุ่ม commodities คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของหุ้นในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นหากกลุ่มนี้ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว ก็จะทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ขณะที่ตัวเลขส่งออกไทยไปจีนสัดส่วนอยู่ที่ 12%”

สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการส่งออกไปจีน ได้แก่ หุ้นบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP และบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เป็นต้น

ส่วนเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 1,450 จุด เป็น 1,523 จุด ถ้าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ทยอยลดดอกเบี้ยในปี 2568 ก็จะช่วยผลักดันให้ดัชนีเป้าหมายขึ้นเป็น 1,700 จุด

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมิน Sentiment ของ SCC เป็นบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน หนุนความคาดหวังการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมี และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ขณะที่ธุรกิจวัสดุก่อสร้างคาดการณ์จะฟื้นตัวจากการลงทุนภาครัฐ ด้าน Consensus คาดการณ์กำไรปี 2568 กลับมาเติบโต 43% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 2.3 หมื่นล้านบาท (ปีนี้ เป็นจุดต่ำสุด) ส่วน Valuation ไม่แพง P/BV ที่ 0.77 เท่า ซึ่งต่ำกว่าตอนวิกฤตเศรษฐกิจทั้ง 2 ครั้งก่อน ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 267.90 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน โดยการเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงิน ประเมินเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ China Play ปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์, สินค้าเกษตร, เครื่องดื่ม, ท่องเที่ยว, ขนส่งทางเรือ ได้แก่ PTTGC, IVL, SCGP, บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA, บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE, บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV, บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL, บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL, บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE

ทั้งนี้ จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด (30 ก.ย.-6 ต.ค.) เพิ่มขึ้น 7.8% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ตามผลบวกของช่วงวันหยุดประจำชาติ หรือ Golden Week (วันอังคารที่ 1 ตุลาคม จนถึงวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม) ส่วนระยะถัดไปมองเร่งต่อจากปัจจัยหนุนฤดูกาลท่องเที่ยว ผสานนักท่องเที่ยวจีนเร่งขึ้น ตามสัญญาณปริมาณเที่ยวบินจากจีนสู่ไทย

โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด 30 ก.ย.-6 ต.ค. 2567 ปรับเพิ่มขึ้น 7.8% WoW อยู่ที่ 6.38 แสนคน สูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ประเมินเป็นจุดเริ่มต้นก่อนฟื้นตัวช่วงปลายปี หนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวต่อเนื่องยาวจากงวด Q4/67-Q1/68 เริ่มเห็น Upside ของนักท่องเที่ยวจีน โดยปัจจุบันกำลังให้บริการต่อที่นั่ง ต่อกิโลเมตร (ASK) ของจีนเดินทางไปต่างประเทศ ณ 7 ต.ค. (หลัง Golden Week) แตะระดับ 75% ของ Pre-COVID ปรับเพิ่มมีนัยฯ 47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ ระดับกำลังให้บริการต่อที่นั่ง ต่อกม. (ASK) ของจีนเดินทางมาไทย ณ วันที่ 7 ต.ค. สูง 68% ของ Pre-COVID เทียบกับยอดนักท่องเที่ยวจีนรอบ 8 เดือนแรกของปี ที่อยู่เพียง 63% ยิ่งสะท้อนภาพชัดเจน

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี มองโมเมนตัมการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยวทยอยชัดเจนขึ้น ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมค่อย ๆ คลายตัวลง และสถานการณ์ตะวันออกกลางยังเชื่อว่าจำกัดวงระหว่างคู่กรณี เชิงกลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยวและภาคบริการที่คาดฟื้นตัวเด่นช่วงฤดูกาลต่อเนื่อง เน้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาเป้าหมาย 68.9 บาท, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ราคาเป้าหมาย 5.3 บาท, บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ราคาเป้าหมาย 2.86 บาท, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ราคาเป้าหมาย 77 บาท, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ราคาเป้าหมาย 30 บาท และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เป้าหมาย 300 บาท

Back to top button