“สภาเอสเอ็มอี” เข้าพบ “ประเสริฐ” ฝากฝังขับเคลื่อน SME ไทย ดัน GDP โตแกร่ง
“สภาเอสเอ็มอี” เข้าพบนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ฝากความหวังรัฐบาล เดินหน้าขับเคลื่อน SME ไทย เพิ่ม GDP และทำเศรษฐกิจของประเทศไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงาน (10 ต.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วยนายฉัตริน จันทร์หอม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ร่วมประชุมหารือกับนายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และคณะกรรมการบริหารสภาเอสเอ็มอี ถึงแนวทางการผลักดันร่างพระราชบัญญัติสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อส่งเสริมและพัฒนายกระดับศักยภาพเอสเอ็มอีไทย
โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน SME ของไทย และมีการรับฟังปัญหาของ SME ทุกภูมิภาคทั่วประเทศมาโดยตลอด เพื่อหาแนวทางในการทำให้ SME ประเทศไทยทุกระดับสามารถที่จะเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพและแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนส่งเสริม SME ไทย เช่น การให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการไลฟ์สดจำหน่ายสินค้า SME ต่างๆ การบริหารจัดการตลาดในรูปแบบสมาร์ทมาเก็ต โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) เข้ามาช่วยสนับสนุนเรื่องนี้ ตลอดจนการดูแลสนับสนุนให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุน เป็นต้น
โดย นายประเสริฐ รับจะนำเรื่องที่ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และคณะเสนอในวันนี้ เข้าหารือในที่ประชุม สสว. ในครั้งต่อไป โดยจะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เข้าหารือร่วมกันด้วย โดยเฉพาะในประเด็นการพัฒนาแพลตฟอร์ม ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท ที่ไปรษณีย์ไทยฯ ดูแลอยู่ เพื่อเป็นช่องทางการกระจายสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน และสินค้า SME ต่าง ๆ ของไทย ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่สะดวกรวดเร็วและตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของผู้ใช้ในยุคดิจิทัลในปัจจุบัน
รวมไปถึงการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับ SME และการที่จะทำให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพื่อให้ SME ตลอดจนการให้ความสำคัญในการนำเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นมาเป็น Soft Power มาสร้างเป็นแบรนด์ของ SME ให้มีความเข้มแข็งและให้ยากที่จะถูกลอกเลียนแบบ ทั้งนี้เพื่อให้ SME ไทยไปรอดและขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยรองนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดที่จะให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่าย SME ต่าง ๆ ของไทย มาทำ workshop ร่วมกันเพื่อขับเคลื่อน SME พัฒนาและเติบโตไปด้วยกัน
“วันนี้เราปล่อยจะให้ SME เดินคนเดียวไม่ได้แล้ว เชื่อมั่นว่าหาก SME ของไทยแข็งแรง ประเทศไทยก็จะแข็งแรงไปด้วย เพราะเรื่องนี้คือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นและการดูแลปกป้องธุรกิจของคนไทย อีกทั้งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการพัฒนา SME อย่างมากเพราะเป็นธุรกิจฐานรากที่ต้องเปลี่ยนแปลงและเดินไปกับภาครัฐ โดยคาดว่าในอนาคต SME จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่ม GDP และทำเศรษฐกิจของประเทศไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้น” นายประเสริฐ กล่าว
ขณะที่นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาเอสเอ็มอี กล่าวว่างานของเอสเอ็มอีเป็นงานที่มีขนาดกว้างและมีภาคีเครือข่ายประมาณ 50 – 60 ภาคีเครือข่ายดังนั้น จำเป็นต้องผลักดันพระราชบัญญัติสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สำเร็จ และออกแบบนิยามจัดกลุ่มโครงการเอสเอ็มอีให้ถูกต้อง โดยการกำหนดประเภทธุรกิจให้ชัดเจน
ทั้งนี้ได้มีการประสานนักวิชาการในการจัดแบ่งประเภทธุรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายใน 2 – 3 เดือนข้างหน้าจะนำมาหารืออีกครั้ง นอกจากนี้ยังเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาแพลตฟอร์ม ThailandPostMart ของไปรษณีย์ไทย
โดยให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เข้ามาร่วมด้วยควบคู่กับการนำศักยภาพของสภาสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย และสมาคมไทยไอโอที (Thai IoT Association) จะสามารถช่วยพัฒนาเอสเอ็มอีไทยได้ และยังช่วยยกระดับการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ของ SME และผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้แพลตฟอร์มของต่างประเทศด้วย