BTS ดีด 1% รับข่าวทุนใหญ่ พร้อมอัดฉีดเพิ่มทุน 1.3 หมื่นล้าน ฟากสปส.นัดเคาะใช้สิทธิ์

BTS ดีด 1% รับข่าวเจ้าสัวคีรี-กวิน มั่นใจเพิ่มทุนบีทีเอส 1.3 หมื่นล้านบาท ฉลุย พร้อมใส่เงินตามสัดส่วนถือหุ้น 37.55% เริ่มจองซื้อ 17 ต.ค.นี้ ราคาเสนอขายหุ้นละ 4.50 บาท อัตราจัดสรร 4.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ด้านเลขาฯ ประกันสังคม เตรียมเสนอเข้าบอร์ดเคาะใช้สิทธิ์เพิ่มทุน BTS เร็ว ๆ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ต.ค. 67) ราคาหุ้น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ณ เวลา 10:15 น. อยู่ที่ระดับ 4.58 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 1.33% สูงสุดที่ระดับ 4.58 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.54 บาท มูลค่าการซื้อขาย 82.47 ล้านบาท

โดยภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น BTS อนุมัติให้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,926,141,881 หุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) อัตรา 4.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 4.50 บาท รวมเป็นวงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC และบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT และเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย

ทั้งนี้ BTS กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในวันที่ 16 สิงหาคม 2567 และบริษัทได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนการรับจองซื้อหุ้น โดยกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนผ่านตัวแทนการรับจองซื้อหุ้นวันที่ 17-18 ตุลาคม 2567, 21-22 ตุลาคม 2567 และ 24 ตุลาคม 2567 (รวม 5 วันทำการ) ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึง 16.00 น. และผ่านระบบ Electronic Rights Offering (E-RO) ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ของวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ถึงเวลา 16.00 น. ของวันที่ 24 ตุลาคม 2567 (ทุกวันไม่เว้นวันหยุด)

นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTS และในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ BTS เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ตนพร้อมใส่เงินเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นบีทีเอสที่ 5.95% รวมทั้งนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ BTS ก็ยืนยันที่จะเพิ่มทุนตามสัดส่วน 31.60%

“ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเราทั้งหมดพร้อมใส่เงินเพิ่มทุนเต็มตามสัดส่วนของการถือหุ้น ผมคิดว่ามีแต่จองล้น ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เพิ่มทุนในราคานี้ (4.50 บาทต่อหุ้น)” นายกวิน กล่าว

โดยมั่นใจว่าการเพิ่มทุน BTS ครั้งนี้จะครบตามจำนวนหุ้นที่ขายแบบ RO ทั้งหมด จากผู้ถือหุ้นทั้งหมด 1 แสนกว่าราย มีแต่ห่วงว่าจะจองเกินมามากกว่า ทั้งกองทุนและรายย่อย

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการ สำนักงานประกันสังคม หรือ สปส. เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า เตรียมที่จะนำเรื่องการใช้สิทธิ์เพิ่มทุน BTS เข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดประกันสังคม ซึ่งตนเป็นประธานฯ ภายในเร็ว ๆ นี้ โดยปัจจุบันกองทุนฯ ถือหุ้น BTS อยู่ 3.20%

“เรื่องนี้ต้องให้บอร์ดพิจารณาก่อนว่าจะใช้สิทธิ์เพิ่มทุนหรือไม่ โดยดูถึงความเหมาะสมและโอกาสของการลงทุนเป็นสำคัญ หากบอร์ดเห็นชอบอย่างไร จึงค่อยดำเนินการต่อไป” เลขาธิการ สปส. กล่าว

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นของกองทุนประกันสังคมที่ผ่านมา มีกำไรมาตลอด โดยแต่ละปีมีกำไรประมาณ 2-3% ขณะที่พอร์ตลงทุนรวมปีนี้คาดว่าจะมีกำไร 6-7 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมา

ส่วนแผนการลงทุนของกองทุนสปส.ปีหน้า จะเน้นกระจายความเสี่ยงให้เพิ่มขึ้น โดยขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น นอกจากการลงทุนภายในประเทศ

ทั้งนี้ เงินลงทุนของกองทุนประกันสังคมมีมูลค่าทั้งสิ้น 2.5  ล้านล้านบาท โดยลงทุนหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงเพื่อความยั่งยืนของกองทุนในระยะยาว รวมทั้งพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน

โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ BTS 10 อันดับแรก ประกอบด้วย 1.นายคีรี กาญจนพาสน์ จำนวน 4,160,394,752 หุ้น สัดส่วน 31.60% 2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 1,103,287,872 หุ้น สัดส่วน 8.38%  3.นายกวิน กาญจนพาสน์ จำนวน 783,002,495 หุ้น สัดส่วน 5.95%  4.สำนักงานประกันสังคม จำนวน 421,746,300 หุ้น สัดส่วน 3.20% 5.บริษัท เค ทู เจ โฮลดิ้ง จำกัด สัดส่วน 400,818,000 หุ้น สัดส่วน 3.04%

6.SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED จำนวน 358,043,781 หุ้น สัดส่วน 2.72% 7.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 245,882,328 หุ้น สัดส่วน 1.87% 8.บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) จำนวน 146,011,200 หุ้น สัดส่วน 1.11% 9.นายนเรศ งามอภิชน จำนวน 126,000,000 หุ้น สัดส่วน 0.96% และ 10.THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED, HONGKONG BRANCH จำนวน 100,100,000 หุ้น สัดส่วน 0.76%

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” BTS ราคาเป้าหมายที่ 5.17 บาท เชื่อว่ากำไรของ BTS ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ประกอบกับกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยมีมุมมองเป็นกลางต่อการเพิ่มทุน BTS จาก dilution effect หลังจากเพิ่มทุน แต่คาดว่า ROCTEC จะช่วยสนับสนุนและเสริมความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานระบบราง และสามารถทำกำไรต่อไปได้ในระยะยาว

สำหรับ RABBIT ยังคงขาดทุนในปี 2566 และไม่จ่ายเงินปันผล ในขณะที่ผลกระทบจาก dilution effect อาจจะเกิดขึ้นหลังจากเพิ่มทุนประสบความสำเร็จ แต่หุ้นจะเพิ่มขึ้น 22% ของหุ้นที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ผลประโยชน์จากการผนึกกำลังที่อาจเกิดขึ้นสำหรับ ROCTEC ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการสื่อสารและไอซีทีในระบบขนส่งมวลชนทางรางทั่วเอเชีย ผู้บริหาร BTS คาดหวังว่า BTS จะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ ROCTEC ในด้านโซลูชันการขนส่งทางราง ซึ่งจะช่วยให้ BTS ได้รับสัญญาสัมปทานระบบรางในอนาคต ขณะเดียวกัน RABBIT ดำเนินงานในภาคบริการทางการเงิน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ BTS ตั้งใจจะขยายการลงทุน โดยคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนระยะยาว

ขณะที่ กรอบเวลา BTS เริ่มดำเนินการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์แบบสมัครใจ หรือ VTO ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. และจะดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค. โดย ณ ปัจจุบัน มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจองซื้อหุ้น RABBIT และ ROCTEC คิดเป็น 0.17% และ 0.14% (ณ วันที่ 24 ก.ย.) ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ขณะเดียวกัน BTS จะเปิดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตั้งแต่วันที่ 17-18, 21-22 และ 24 ต.ค. ผู้บริหารมั่นใจว่า RO จะประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายในการระดมทุนจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด ให้ราคาเหมาะสมของ BTS ที่ 5.60 บาท ที่ผ่านมาผู้บริหารของบีทีเอส แสดงความเชื่อมั่นว่าแผนเพิ่มทุนจะประสบความสำเร็จ หากมีจำนวนผู้จองซื้อไม่ครบก็พร้อมที่จะไปรับซื้อแทนทั้งหมด อย่างไรก็ตามมองราคาหุ้น BTS ระหว่างนี้จะไม่ต่ำกว่าราคาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ 4.50 บาท

โดยเชื่อว่าผู้บริหาร BTS ได้ประเมินเบื้องต้นไว้แล้วว่าจะใช้วงเงินรับซื้อหุ้น RABBIT และ ROCTEC ซึ่งคาดว่าจะไม่มีผู้ขายทั้งหมด 100% ดังนั้นวงเงินเพิ่มทุนของ BTS ก็จะยังเพียงพอ แม้ผู้ถือหุ้นจะใช้สิทธิ์ไม่ครบทั้งหมดก็ตาม

Back to top button