เปิดโผ! 29 หุ้น “ต่ำบุ๊ก-ปันผลสูง” ชู SVR-UEC ยีลด์ทะลุ 10%

คัด 29 หุ้น ราคา "ต่ำบุ๊ก" TMW-TPCH-AMA-MOONG-UEC พ่วง "ปันผล" สูง พร้อมชู SVR-UEC ยีลด์ทะลุ 10%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ปัจจุบันมีราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้น (P/BV) ซึ่งเมื่อเทียบจากราคาปิด (11 ต.ค.67) พบว่ามี 29 หลักทรัพย์ที่มีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้น ได้แก่ TMW, TPCH, AMA, MOONG, UEC, ETE, PTC, PPM, THANA, SENX, IRCP, IND, CAZ, FVC, TRT, SAF, ITNS, SALEE, FLOYD, JAK, SVR, SONIC, KOOL, COLOR, HARN, DEXON, SK, PLT และ GTB เรียงตามอัพไซด์สูงสุด ดังนี้

นอกจากนี้ยังพบ 14 หลักทรัพย์ที่อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (ดิวิเดนท์ยีลด์) สูงเกิน 5% เรียงจากมากไปน้อย ได้แก่ SVR, UEC, AMA, PLT, HARN, SK, SALEE, CAZ, TPCH, ITNS, TMW, TRT, MOONG และ GTB

ขณะที่บริษัทที่มีแผนการดำเนินงานที่น่าสนใจในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ซึ่งเปิดเผยว่า บริษัทมีแผนยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ฯ (Filing) ของ บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด (SP) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะที่ TPCH ถือหุ้น 50% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 4/67 เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจ
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) มีกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ได้เซ็น PPA เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ อยู่ระหว่างการจัดหาผู้รับเหมา คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 3/67 พร้อมกันนี้ บริษัทกำลังพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เพิ่มประมาณ 4 โครงการ ประกอบด้วย SP4-SP7 เป็นโครงการพลังงานขยะชุมชนในรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer)

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล ทั้ง 7 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG มีกำลังการผลิตติดตั้ง 80.7 เมกะวัตต์ ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ พร้อมมุ่งเน้นการพัฒนา ควบคุมบริหารเชื้อเพลิงและต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่า แผนการลงทุน พัฒนาโครงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะช่วยผลักดันผลงานให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ปัจจุบัน TPCH มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 110 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล 80.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 29.3 เมกะวัตต์ โดยในปี 2569 ยังคงเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าในประเทศ 150 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานชีวมวล และโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานขยะ รวมถึงโครงการในต่างประเทศ เป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม 350 เมกะวัตต์

นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร TPCH เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในต่างประเทศ โดยพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว ซึ่งเข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จำกัด (MKP) ในสัดส่วน 40% มูลค่า 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว
และ MKP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว โดยมีระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ปัจจุบันได้มีการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมก่อสร้าง และได้เริ่มงานด้านโครงสร้างและรั้วกั้นโซนติดตั้งสถานีไฟฟ้า (Substation) บางส่วนแล้ว รวมถึงได้เซ็นสัญญางานวิศวกรรม งานจัดซื้อ และงานก่อสร้าง (Engineering, Procurement and Construction (EPC Contract) กับผู้รับเหมาจากประเทศจีน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างอย่างเป็นทางการได้ในช่วงไตรมาส 1/2568

ส่วนการลงทุนในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต โดยตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ประมาณ 180-200 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลม ประมาณ 50-100 เมกะวัตต์

“การลงทุนและพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนใน สปป.ลาว มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ มีการปรับพื้นที่เพื่อรอการก่อสร้าง และได้เริ่มก่อสร้างในส่วนงานโครงสร้างแล้ว นอกจากนี้ เราได้จัดทำประมาณการของโครงการ พบว่า ปัจจุบันราคาของแผงโซลาร์เซลล์มีราคาลดลง เนื่องจากมีผู้ขายในตลาดมากขึ้น และมีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในแง่ของการช่วยลดต้นทุนในการก่อสร้างและการผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากขึ้น ทำให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และยังมีแผนที่จะส่งไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปจำหน่ายในประเทศเวียดนามอีกหนึ่งโครงการ” นางกนกทิพย์ กล่าว

Back to top button