CGSI มองกรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,450-1,500 จุด ชู 2 หุ้นเด่น AAV-HANA

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ประเมิน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวด์กลับขึ้นมาปิดในแดนบวกทำนิวไฮ จากดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 201 จุด ตามมาด้วยดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 45 จุด และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 160 จุด นำโดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 1.8% หลังตลาดซื้อขายปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรในช่วงแรก เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ต.ค.67) ดัชนี DJIA ปรับตัวพุ่งขึ้นกว่า 410 จุด หลังรายงานผลประกอบการของ JPMorgan Chase และ Wells Fargo ในไตรมาส 3/67 ดีกว่าที่ตลาดคาด

นอกจากนี้ ดัชนี PPI เดือนก.ย. ไม่มีการเปลี่ยนแปลง (0% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา) ต่ำกว่าตลาดคาดที่เพิ่มขึ้น 0.1% สนับสนุนให้นักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนพ.ย. และ ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่า 1% และ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าในวันศุกร์ (11 ต.ค.67)

ด้านราคาน้ำมันปรับตัวลงกว่า 2% หลังกลุ่มโอเปกประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์ปีนี้เป็น 1.9 ล้าน bpd และ ปีหน้าเป็น 1.6 ล้าน bpd

สำหรับตลาดหุ้นภูมิภาค ตลาดหุ้นจีนปิดบวกเมื่อวานนี้ (14 ต.ค.67) ขานรับรัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ต.ค.67) โดยจะมีการช่วยรัฐบาลท้องถิ่นจัดการปัญหาหนี้ เสนอเงินอุดหนุนให้ประชาชนที่มีรายได้ต่ำ สนับสนุนตลาดอสังหาฯ เพิ่มเงินทุนให้กับธนาคารของรัฐ และมาตรการอื่นๆ

โดยสัปดาห์นี้จับตารายงานผลประกอบการบริษัทใหญ่ ซึ่งวันนี้จะมีรายงานของ BofA, Citigroup, Johnson&Johnson และ UnitedHealth Group และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ 1. อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของอังกฤษ (16 ก.ย.) 2. อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ยูโรโซน และ การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของ ECB (17 ต.ค.) 3. ดัชนียอดขายปลีกสหรัฐฯ เดือนก.ย. (18 ต.ค.) และ และ 4. GDP จีนในไตรมาส 3/67 (18 ต.ค.)

สำหรับ SET Index ทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่า SET Index สัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,450-1,500 จุด และ มีโอกาสลุ้นทดสอบระดับ 1,500 จุด จาก 5 ประเด็นหลัก โดยให้น้ำหนักประเด็นที่สี่และห้าสูงสุด ดังนี้

1) sentiment บวกตามตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจีนประกาศนโยบายการคลังเพิ่มเติม รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

2) ฟันด์โฟลด์จากนักลงทุนต่างชาติ

3) กองทุนวายุภักษ์ที่สนับสนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่ม Big Cap. ของนักลงทุนสถาบันในประเทศ

4) การประชุมกนง. ในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.67) หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจส่งออก โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.25% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ และ กลุ่มค้าปลีก เนื่องจากการเข้าถึงสินเชื่อที่ง่ายขึ้น และ

5) การทยอยประกาศงบไตรมาส 3/67 สำหรับสัปดาห์นี้ ได้แก่ TISCO ในวันนี้ และ BBL, KTB, KTC, TTB, KKP ในวันศุกร์ 18 ต.ค.67

ดังนั้น ทางฝ่ายวิจัยจึงแนะนำหุ้นเด่น 2 หุ้น ได้แก่ AAV และ HANA

โดย AAV ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง และ เงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาสนับสนุนการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มการบิน เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าลดน้อยลง อาทิ ต้นทุนเชื้อเพลิง (Take profit : 2.84 / Stop loss : 2.62)

อีกทั้ง HANA ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือนเมื่อวานนี้ (14 ต.ค.67) จะเป็นจิตวิทยาเชิงบวก อีกทั้งคาดว่า Hana จะมีกำไรสุทธิแข็งแกร่งในไตรมาส 3/67 เพราะบริษัทน่าจะมีรายได้พิเศษประมาณ 300 ล้านบาท และ เชื่อว่านักลงทุนจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหากผลขาดทุนของ Powermaster ลดลง (Take profit : 43.00 / Stop loss : 40.00)