TISCO เปิดกำไร Q3 หดตัว 8% เหลือ 1.7 พันล้าน เซ่นตั้งสำรองพุ่ง

TISCO รายงานกำไรไตรมาส 3/67 ลดลง 8.6% เหลือ 1.71 พันล้านบาท หลังตั้งสำรองเครดิตเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้งวด 9 เดือนมีกำไร 5.19 พันล้านบาท ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 5.52 พันล้านบาท


บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,713.43 ล้านบาท ลดลง 161.05 ล้านบาท หรือลดลง 8.60% จากไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1,874.49 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 จากการฟื้นตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลัก พร้อมกับการรับรู้ผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนปรับตัวดีขึ้น ทั้งค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นขึ้นร้อยละ 9.9 จากการขยายตัวของส่วนแบ่งทางการตลาดของ บล.ทิสโก้ และรายได้คำธรรรมเนียมธรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 ตามจากเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร

นอกจากนี้ บริษัทมีการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อนหน้า ด้านรายได้ดอกเบี้ยสุทธิชะลอตัวลงร้อยละ 3.0 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นตามการปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยเงินฝาก ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 0.6 ของยอดสินเชื่อเฉลี่ยเป็นไปตามแผนการเพิ่มสำรองกลับสู่ระดับปกติรวมทั้งสะท้อนความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง

ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 กำไรสุทธิลดลง 39.58 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.3 สาเหตุจากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจวาณิชธนกิจและผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ปที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักฟื้นตัว โดยเฉพาะจากธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนสอดคล้องกับการฟื้นตัวของตลาดทุนไทย โดยค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.8 และค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้นขึ้นร้อยละ 4.3

นอกจากนี้ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันที่ร้อยละ 1.1 จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงตัวจากไตรมาลก่อนหน้า โดยมีต้นทุนทุนทางการเงินปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.5 ด้านสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า

Back to top button