“สุริยะ” จ่อหั่นค่าทางด่วน 50 บาทตลอดสาย ตั้งเป้าเริ่ม ม.ค. 68
“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม เตรียมลดอัตราค่าทางด่วนสูงสุดไม่เกิน 50 บาทตลอดสาย ตั้งเป้าเริ่มเดือนมกราคม ปี 68 คาดช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่ายสูงสุด 3,000 ล้านบาทต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ต.ค.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการที่ได้มอบหมายให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พิจารณาแก้ปัญหาการจราจรบนโครงข่ายทางพิเศษ ระยะที่ 1 โดยที่ผ่านมาตนได้สั่งการให้ กทพ.ดำเนินการปรับปรุงระบบเก็บค่าผ่านทาง และลดอัตราค่าผ่านทางสูงสุดไม่เกิน 50 บาทตลอดสาย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยในระยะแรกจะดำเนินการบนโครงข่ายทางพิเศษในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ทาง กทพ.ได้เจรจาร่วมกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ในฐานะผู้รับสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 เพื่อปรับลดอัตราค่าผ่านทางพิเศษแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอขอความเห็นชอบการแก้ไขสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ฉบับแก้ไข) ตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562
สำหรับการลดค่าผ่านทางที่ทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัชนั้น ผู้ใช้ทางสามารถเดินทางข้ามระบบทางพิเศษในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ จ่ายค่าผ่านทางสูงสุดไม่เกิน 50 บาท สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ และช่วยลดเวลาในการเดินทางได้สูงสุด 30 นาที/เที่ยว ข้อดีคือ การจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน 1,200-3,000 ล้านบาท/ปี และทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น จากการที่ประชาชนนำค่าผ่านทางที่ประหยัดได้มาจับจ่ายใช้สอย รวมถึงช่วยลดก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง 2.5 (PM 2.5) รวมทั้งเป็นส่งเสริมการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ จะมีการปรับเพิ่มช่องเก็บค่าผ่านทางแบบอัตโนมัติ และลดจำนวนช่องเก็บค่าผ่านทางแบบเงินสด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวบริเวณหน้าด่าน ผู้ใช้ทางจ่ายค่าผ่านทางในราคาที่เหมาะสม และคุ้มค่า โดยจะทำการปรับเพิ่มช่องเก็บค่าผ่านทางแบบอัตโนมัติ (ETC) แบบไม่มีไม้กั้น และลดจำนวนช่องเก็บค่าผ่านทางแบบเงินสด (MTC) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง อีกทั้งทำให้สามารถแก้ไขปัญหาจราจรบนโครงข่ายทางพิเศษอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือ ผู้ใช้ทางจ่ายค่าผ่านทางในราคาที่เหมาะสม และคุ้มค่าเป็นอย่างมาก
นายสุริยะกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ กทพ.ไปเจรจาร่วมกับ บีอีเอ็ม (BEM) เพื่อให้ลงทุนก่อสร้าง โครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 (Double Deck) มูลค่าประมาณ 3 หมื่น 4 พัน ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนทางผ่านพิเศษในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร โดยการก่อสร้างโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 (Double Deck) จะขยายสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน
โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอเรื่องการแก้ไขสัญญาฯ ต่อคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) และเสนอไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
“ขอยืนยันว่าการขยายสัมปทานดังกล่าว เป็นการแลกกับการก่อสร้าง โครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 (Double Deck) เท่านั้น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดค่าผ่านทาง โดยอยากให้ประชาชนมั่นใจว่า การดำเนินการนี้ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์เอกชน แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นหลัก ซึ่งได้ให้นโยบายไปว่า ทุกกระบวนการต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้” นายสุริยะ กล่าวทิ้งท้าย