นายกฯ คิกออฟ “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” คาดเม็ดเงินสะพัด 1.1 แสนล้านบาท
นายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร” เปิดตัว “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ต่อยอดจากการแจกเงินหมื่น โดยชูแผน 3 ส่วน เน้นอุ้มผู้ประกอบการรายเล็ก คาดกระตุ้นเศรษฐกิจได้กว่า 110,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ต.ค.67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานงานแถลงข่าว Kick Off เปิดตัว “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย
โดยนางสาวแพทองธาร ระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ใน “โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ” ซึ่งเป็นการเติมเงินลงไปในระบบครั้งใหญ่ถึง 145,552 ล้านบาท สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในภาพใหญ่ให้พี่น้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ผ่านกลุ่มเปราะบาง ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและ คนพิการ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากประชาชนได้ตั้งตัวใหม่จากโครงการนี้ และนำไปใช้จ่ายในครัวเรือน ทำให้พี่น้องประชาชนหลายคนมีโอกาสสร้างชีวิตใหม่ และยังพบว่าเมื่อรวมกันหลายคน ในครอบครัวยังสามารถนำไปลงทุนทำมาค้าขาย สร้างหรือต่อยอดธุรกิจพร้อมรับโอกาสดี ๆ ที่จะเข้ามา
“วันนี้จะรับไม้ต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ “โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ” เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าภาษีมากที่สุด โดยในรอบนี้จะเน้นไปที่ผู้ประกอบการรายเล็กซึ่งถือเป็น 90% ของผู้ประกอบการทั้งหมด เป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อ “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” มีระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือน ได้ดำเนินการไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนและยาวไปจนถึงมกราคมปีหน้า” นางสาวแพทองธาร กล่าว
สำหรับรายละเอียดโครงการ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 การลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายเล็ก เป็นการลดค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าแผง ในพื้นที่หน่วยงานราชการและพื้นที่เอกชนที่เข้าร่วม อย่างเช่น ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และขอขอบคุณนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่สามารถขอความร่วมมือในการลดค่าเช่า ถึง 50% ใน 12 ตลาดใหญ่ ที่ กทม. รับผิดชอบ มีพ่อค้าแม่ค้าประมาณ 11,000 ราย ที่ได้ลดค่าเช่าถึงสิ้นปีนี้
รวมถึงพื้นที่ของกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานราชการมีการยกเว้นค่าเช่าให้ผู้ประกอบการกว่า 3,000 ราย ค่าเช่าพื้นที่การขายถือเป็นต้นทุนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ การลดต้นทุนการลดค่าขนส่งสินค้าซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างไปรษณีย์ไทยกับหน่วยงานราชการ ให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ หอการค้าไทย และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดลางและขนาดย่อม ได้ลดค่าขนส่งสินค้า
ส่วนที่ 2 การเพิ่มพื้นที่ค้าขายให้ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยการสนับสนุนพื้นที่จากหน่วยงานราชการ และพื้นที่ของเอกชน ให้ผู้ประกอบรายเล็กมีช่องทางทำมาค้าขายเพิ่มขึ้น ซึ่งมีหลายหน่วยงานให้ความร่วมมือ เช่น กระทรวงกลาโหมได้นำพื้นที่ค่ายทหารมาทำเป็นตลาดนัด กระทรวงมหาดไทยในการใช้ลานหน้าศาลากลางจังหวัด รวมไปถึงมีการจัดตลาดพาณิชย์กว่า 1,300 ครั้ง ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย เป็นต้น
ส่วนที่ 3 การลดค่าครองชีพให้ประชาชน ด้วยการจับมือผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่เพื่อลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และจัดงานมหกรรมลดราคาสินค้า โดยมีภาคเอกชนทั้งผู้ผลิตรายใหญ่ ห้างสรรพสินค้า ผู้ให้บริการในปั๊มน้ำมันและแพลตฟอร์มค้าขายออนไลน์รวม 130 ราย มีร้านสาขาย่อยกว่าแสนสาขาครอบคลุมทั้งประเทศ ให้ความร่วมมือในการลดราคาสินค้าในโครงการนี้
โดยนางสาวแพทองธาร ระบุว่า รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากถึง 110,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็งของทุกฝ่าย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยภาครัฐเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบาย ส่วนภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลยังจะทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อฟื้นฟูเศรฐกิจไทยให้กลับมาเดินหน้าได้อย่างเต็มกำลัง โดยมีแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
พร้อมทั้งฝากพี่น้องประชาชนติดตามการดำเนินโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายนโยบายที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจนี้ เราจะทำงานร่วมกัน เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างเข้มแข็ง และสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับคนไทยทุกคนไปด้วยกัน
จากนั้น นางสาวแพทองธาร ได้ VDO Call พูดคุยแลกเปลี่ยน และรับชมถ่ายทอดบรรยากาศกิจกรรมฟื้นฟูจากสถานที่จริงในทุกภูมิภาค 5 แห่ง ผ่านโปรแกรมระบบ Zoom จ.ขอนแก่น จ.ลพบุรี จ.อุดรธานี จ.ภูเก็ต และจ.เชียงราย โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามตัวแทน และแสดงความยินดีที่ได้ยินว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้สร้างประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชน