รวบแล้ว! “บอสพอล” หลังศาลออกหมายจับคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” 18 คน รวมดาราดัง

“บอสพอล” กับ 3 ดาราดัง “กันต์-แซม-มิน” โดนแล้ว! ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผยศาลอนุมัติหมายจับคดี “ดิ ไอคอนกรุ๊ป” รวม 18 หมายจับ


พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดทำคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ระบุยืนยันว่า ศาลได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ปแล้ว รวม 18 หมายจับ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ

มีรายงานว่า เมื่อเวลา 16.09 น. ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้ว 9 ราย ประกอบด้วย นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล, น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน, นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือ บอสหมอเอก,

น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือ บอสสวย, น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์ หรือ บอสโซดา, นายนันท์ธรัฐ เชาวนปรีชา หรือ บอสโอม, นายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือ บอสวิน, นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ หรือ บอสป๊อบ, นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ บอสแซม

ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามตัว โดยในจำนวนนี้รวมทั้งนายกันต์ กันตถาวร หรือ “บอสกันต์” และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ “โค้ชมิน”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ “บอสพอล” นายวรัตน์พล ผู้บริหารของดิ ไอคอน กรุ๊ป นั้นได้ถูกตำรวจควบคุมตัว ขณะเข้าชี้แจง ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้ว รวมถึง บอสแซม และ โค้ชมิน ผู้ต้องหาอื่นรวมทั้งหมด 12 ราย

โดยก่อนหน้านี้ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง อาศัยอำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ออกคำสั่งที่ ย. 214/ 2567 ให้อายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล , นายณิชพน ทองมี , นางสาวฐิตตญา หงษ์อุปถุมภ์ไชย และนายกันต์ กันตถาวร ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทเงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เงินในบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ และเงินในบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 11 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 125,548,076.99 บาท พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน

ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ขอแจ้งเตือนว่าทรัพย์สินอื่นที่อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนั้น หากผู้ใดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือมีการได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ย่อมมีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Back to top button