LTS จับมือ “BytePlus” รุกบริการเทคฯ เสริมการค้าออนไลน์ แย้มรายได้โตตามเทรนด์ AI

LTS จับมือ BytePlus บริษัทในเครือ ByteDance เปิดตัว 7 ผลิตภัณฑ์เสริมศักยภาพการตลาดออนไลน์ ฟากธุรกิจบริการ Data Center มุ่งเป้าลูกค้าภาครัฐ-เอกชนในประเทศ พร้อมคาดการณ์รายได้ปี 68 เติบโตสดใส สอดคล้องกับกระแสเทคโนโลยี AI ที่มาแรง


นายภัฏ ตรัสโฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LTS เปิดเผยว่า จากแผนยุทธศาสตร์ที่ต้องการมุ่งสร้าง New S Curve ในกลุ่มธุรกิจ IT Solution ซึ่งเป็นเมกกะเทรนด์เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ บริษัท ไบต์พลัส ประเทศไทย จำกัด (BytePlus) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีให้แก่องค์กรธุรกิจของกลุ่มไบต์แดนซ์

โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายและทำตลาด (Exclusive Dealer) ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียวเพื่อนำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีการให้บริการสำหรับธุรกิจของไบต์พลัส ประกอบด้วย ประกอบด้วย BytePlus Effects, BytePlus Recommend, BytePlus Live, BytePlus Video On Demand (VOD), BytePlus CDN, ByteHouse และ BytePlus Cloud เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันแก่องค์กรภาคธุรกิจและผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซสามารถนำเสนอสินค้าและบริการผ่านการใช้เทคโนโลยี AI สร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและการมีส่วนร่วมให้แก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ แต่งตั้ง บริษัท สยาม เอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ SIAM AI เป็น Reseller ลูกค้ารายแรก เพื่อทำตลาดและนำเสนอโซลูชั่นการให้บริการของไบต์พลัสให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจ โดย BytePlus Live และ BytePlus Video On Demand (VDO) เป็นโซลูชันเทคโนโลยีแรกที่จะเร่งทำตลาด นำเสนอบริการให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการสตรีมสด ดึงดูดผู้ชมให้มีส่วนร่วมและนำเสนอสินค้าสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า

พร้อมเชื่อมต่อกับระบบช้อปปิ้งออนไลน์ ทำให้ผู้ชมสามารถซื้อสินค้าระหว่างชมการสตรีมได้ ช่วยเพิ่มโอกาสการขายและปิดการขาย อีกทั้งมีระบบหลังบ้านจัดเก็บพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้ชมในทุกออเดอร์ เป็นนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลมาทำกลยุทธ์โปรโมชัน แบบเฉพาะเจาะจงเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการ ตามความชอบและความต้องการของลูกค้าผ่านทางอีเมลหรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าได้อีกด้วย

ด้าน นางสาวมนธิชา คงทวี Head of Enterprise (Thailand), BytePlus ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีให้แก่องค์กรธุรกิจในกลุ่ม ByteDance กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ LTS จากการแต่งตั้งให้เป็นเอ็กซ์คลูซีพดีลเลอร์โชลูชั่นเทคโนโลยีในการนำเสนอบริการโซลูชันต่างๆ ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยยกระดับความสามารถการแข่งขัน

ทั้งการเพิ่มยอดขายและลดค่าใช้จ่ายด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดีผ่านฟีเจอร์ต่างๆ ให้แก่ผู้บริโภคคนไทย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในทุกช่องทาง รองรับการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ Social Commerce ในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเติบโตได้อย่างรวดเร็วในภูมิภาคอาเซียน

นายรัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท สยามเอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ SIAM AI กล่าวว่า บริษัทฯ จะเร่งทำตลาดโซลูชันเทคโนโลยีของไบต์พลัส เจาะกลุ่มผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือองค์กรธุรกิจทีวีและดิจิทัลที่ต้องการขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ สามารถใช้โซลูชัน BytePlus Live และ BytePlus Video on Demand ที่มีฟีเจอร์ให้เจ้าของธุรกิจสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับธุรกิจทั้งการปรับแต่ง UI และฟังก์ชันโต้ตอบกับผู้ชม

พร้อมด้วยเทคโนโลยี AR ที่นำมาใช้เป็นเครื่องมือและปรับแต่งแคมเปญการตลาดให้เหมาะสมกับแบรนด์ของตนเองช่วยเพิ่มความน่าสนใจและการมีส่วนร่วมจากผู้ชม รองรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าผ่านช่องทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ตั้งเป้าปีแรกจะมีผู้ใช้บริการประมาณ 5 ราย

นายภัฏ ตรัสโฆษิต กล่าวเสริมเกี่ยวกับทิศทางการเติบโตของธุรกิจ Social Commerce ซึ่งเป็นการค้าขายสินค้าหรือบริการโดยตรงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่าปัจจุบันมีอัตราการเติบโตประมาณ 34% หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดกว่า 90,000 ล้านบาท ทั้งยังคาดการณ์ว่าการเติบโตในตลาดดังกล่าวจะเติบโตเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ประมาณ 28%

สำหรับบริการของ BytePlus ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นายภัฏได้ยกตัวอย่างบริการหลัก 3 ข้อ ได้แก่

1.BytePlus Live ซึ่งเป็นบริการไลฟ์สดที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า โดยลูกค้าที่ต้องการทำการไลฟ์สดหลายช่องทางพร้อมกันสามารถใช้บริการนี้ในการไลฟ์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ในครั้งเดียว ซึ่งปัจจุบันการไลฟ์สดพร้อมกันหลายช่องทางนั้นมักจะใช้เวลาและต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก แต่ BytePlus Live จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.BytePlus Recommend บริการที่ใช้ AI ช่วยแนะนำสินค้าให้กับลูกค้า โดยระบบนี้จะช่วยให้ลูกค้าพบกับสินค้าที่ตรงตามความต้องการมากขึ้น ส่งผลให้มีการใช้จ่ายซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น

3.การจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าเพื่อทำการตลาดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น บริการทั้งสามนี้เป็นหัวใจหลักในการช่วยให้ลูกค้าของ BytePlus สามารถเติบโตและปรับตัวตามทิศทางของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นางสาวนุชนาถ แสงชัจจ์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานบัญชีและการเงิน ได้กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานของบริษัท โดยชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างจากสถานการณ์การระบาดของ โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ว่าหากบริษัทใดมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็ย่อมมีโอกาสเติบโตทางรายได้ เช่นเดียวกับเทรนด์ของเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ AI กำลังมีบทบาทสำคัญอย่างมาก และในอนาคตทุกองค์กรจะต้องใช้ AI ซึ่งบริษัทได้เตรียมความพร้อมทั้งในด้านทรัพยากรและเครื่องมือสำหรับการเทรน AI ให้กับลูกค้าที่ต้องการพัฒนา Data Center ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้

สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปี 2568 บริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถขยายตัวตามเทรนด์ Data Center ที่กำลังเติบโตขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มฐานลูกค้าหลักในประเทศให้ครอบคลุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษา, ภาคเอกชน, สถานพยาบาล และองค์กรขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังกลุ่ม AI เทรนนิ่งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

สำหรับ งานในมือ (Backlog) ปัจจุบัน บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนแล้ว โดยโครงการล่าสุดที่ได้รับ คือ การลงนามในสัญญาบริการจัดหาทรัพยากรคอมพิวเตอร์และบริการจัดเก็บข้อมูลกับมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล ซึ่งตั้งอยู่ภายใน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นระยะเวลา 3 ปี มูลค่างานกว่า 230 ล้านบาท โดยจะเริ่มให้บริการและบันทึกรายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2567

Back to top button