“ชัยยศ” มอง SET ผันผวน แนะลงทุน 2 หุ้นกลุ่มค้าปลีก  

“ชัยยศ จิวางกูร” มอง SET ผันผวน ชี้ 2 หุ้นค้าปลีก พร้อมกลุ่ม Domestic Play โดดเด่น ลุ้นไตรมาส 3/67 เติบโตต่อเนื่อง


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยฝ่ายผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (21 ต.ค.67) ว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้น่าจะมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งถ้าหากมองระยะกลางถึงยาวคาดว่าจะยังแกว่งตัวไซด์เวย์อัพ

โดยหากมองระยะสั้น ภายใน 1-2 สัปดาห์จากนี้ไปยังคงมีความผันผวนมากอยู่  สาเหตุเนื่องจากกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ปรับลดดอกเบี้ย ได้มีการตอบรับระดับหนึ่งแล้ว จึงทำให้ต้องกลับมาดูในส่วนของงบของบริษัทต่างๆ เนื่องจากเป็นช่วงที่ทยอยประกาศงบไตรมาส 3/67 ออกมา

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ ระบุเพิ่มเติมว่า หุ้นหลายธนาคารใหญ่ กำลังอยู่ในช่วงประกาศงบ ซึ่งจะมีทั้งบวกและลบ แม้ในกลุ่มหลายๆแบงก์ ต่างมีผลกำไรออกมาอาจจะดูดี แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องหนี้เสีย หรือ NPL ยังมีการเร่งตัวสูงขึ้น จึงเชื่อว่าการลงทุนยังมีความกังวลและค่าดัชนีมีความผันผวนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แบงก์ใหญ่ยังแนะนำซื้อได้อยู่ โดยเฉพาะพวกที่มีตัวตั้งสำรองเยอะ เช่น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB แต่เรื่อง NPL ยังเป็นปัญหาค่อนข้างหนัก เนื่องจากเร่งขึ้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล  (Dividend Yield) มารองรับแรงกระแทกเวลาราคาหุ้นลงมาเยอะๆ จึงจะช่วยในเรื่องดาวน์ไซด์ของธนาคารต่างๆลดลง ขณะเดียวกันต้องมองเรื่องอัตราทำกำไร เช่นเรื่องการปล่อยสินเชื่อและการควบคุม NPL อีกด้วย ทั้งสองอย่างต้องบาลานซ์ไปด้วยกัน

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์แนะนำว่า ตัวดัชนีการเติบโตสินเชื่อธนาคาร (Bank Loan Growth) ให้นักลงทุนสังเกตตัวเลข GDP เป็นหลักว่าโตมากน้อยแค่ไหน  ซึ่งถ้าหาก GDP เติบโตดี หมายถึงผู้ประกอบกล้าลงทุน ตามมาด้วยปรับสินเชื่อเร่งตัวขึ้น หากยังไม่โต ก็ต้องรอดูไปว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้หรือไม่ หัวใจสำคัญคือ LOAN GROWTH กับ NPL ในขณะนี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จากดอกเบี้ยเงินฝากจะทยอยลง ส่วนหุ้นกลุ่มเกษตรจะไม่ได้รับผลกระทบมากนั้น ขณะที่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  หรือ DELTA อยู่ในมุมมองที่ดีอยู่ ถึงแม้ว่ายังขึ้นไม่สุดตัว ขณะที่มีกระแสมาแรงปัจจัยหนุนจากพวกชิป AI หรือพวก DATA CENTER แต่ต้องระมัดระวังความเสี่ยงด้วย

อีกทั้งยังคงแนะหุ้นที่สามารถเก็งกำไร ได้แก่หุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ดูดีที่สุดในกลุ่มค้าปลีก หลังจากคาดการณ์งบไตรมาส 3/67 น่าจะเติบโตขึ้นโดดเด่นกว่าตัวอื่น ปัจจัยทั้งเรื่องจิตวิทยาที่หนุนมาจากกลุ่มเปราะบางรับเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 80 บาท  และ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC โดยคาดการณ์งบไตรมาส 3/67 น่าจะเติบโตขึ้นได้ดี แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 38 บาท

สำหรับกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังหลังประกาศงบไตรมาสที่ 3 ปีนี้ คือ พวกวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากฝนตกหนักและน้ำท่วมทำให้การซื้อชะลอตัว แต่ยังคงโฟกัส บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ที่มีตัวแทนจำหน่ายในภาคเหนือหลายแห่ง น่าเสี่ยงลงทุนได้อยู่ เพราะต้องมีการซ่อมแซมบ้านเรือน นอกจากนี้กลุ่มไฟแนนซ์ ธนาคารใหญ่ๆ ยังมีเรื่อง NPL เร่งตัวมากขึ้น ต้องรอดูว่าควบคุมได้ดีหรือไม่ รวมถึงกลุ่มส่งออกหลังไตรมาส 3 คาดได้รับผลกระทบเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น

Back to top button