โบรกแนะซื้อ KTB ชูจุดแข็ง “งบดุลแกร่ง” ROE สูงสุดกลุ่มแบงก์ใหญ่

โบรกแนะซื้อ KTB โดดเด่นเหนือคู่แข่งในไตรมาส 4/67 กำไรจะเติบโตโดดเด่น พร้อมจุดแข็ง “งบดุลแกร่ง” ROE สูงสุดกลุ่มแบงก์ใหญ่


บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึงกรณีของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ประเมินกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2567 ตามคาดที่ 11.1 พันล้าน เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน แต่ลดลง 0.8% จากไตรมาสก่อน สำหรับการขยายตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน เนื่องจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น (2) รายได้ค่าธรรมเนียมปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะจากธุรกิจWealth Management ส่งผลให้ค่าธรรมเนียม Mutual fund และBancassurance เติบโต และ (3) ผลกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี กำไรปรับลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานปรับสูงขึ้นเป็นหลัก ซึ่งเป็นปกติที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 สินเชื่อในไตรมาส 3/2567 ปรับขึ้นต่ำกว่าคาด 0.1% จากไตรมาสก่อน ทำให้สินเชื่อใน 9 เดือนแรกปี 2567 ยังลดลง 0.5% จากต้นปีถึงปัจจุบัน แต่ด้วยปัจจัยฤดูกาลที่มีการใช้จ่ายสูงขึ้นทำให้สินเชื่อในไตรมาส 4/2567 แนวโน้มเร่งตัวเพิ่มขึ้น และคาดสินเชื่อในปี 2567 จะเติบโต 1% จากงวดเดียวของปีก่อน คุณภาพสินเชื่อกรงตัวถือเป็นจุดแข็งของธนาคาร NPL ratio ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ที่ 3.1% และ Coverage ratio แข็งแกร่งที่ 184.1%

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/2567 จะปรับเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวของปีก่อน แต่กรณีของ KTB กำไรจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 30% จากงวดเดียวของปีก่อน เพราะสำรองหนี้ฯ จะลดลงมาก เพราะธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้ฯ พิเศษเกี่ยวกับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันที่มีคุณภาพสิ้นเชื่อที่เสื่อมค่าลงในไตรมาส 4/2566

ส่วนกำไรจะปรับลดลงจากไตรมาสก่อน เพราะค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาลเราคาดว่า NIM ลดลงราว 20 bps เหลือราว 3.2% ในปี 2568-2569 จากราว 3.36% ในปี 2567 แต่ด้วยการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดีทำให้ KTB ผ่อนคลายสำรองหนี้ฯ ลง กอปรกับรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตช่วยลดทอนผลกระทบจาก NIM ที่ลดลง คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2568-2569 จะขยายตัวต่อเนื่อง แต่ในอัตราชะลอตัวที่2.3%/5.8% ในปี 2568 จากที่คาดจะเติบโตสูง 13% ในปี 2567

ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากพื้นฐานแข็งแกร่ง และ ROE สูงสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ แต่ปรับมูลคำพื้นฐานเหลือ 23.80 บาก จากเดิม 24.00 บาท  ซึ่งมาจากสินเชื่ออ่อนแอกว่าคาด

Back to top button