“แพทองธาร” รับดินเนอร์พรรคร่วม คุยเรื่องเซนซิทีฟ ขอลดกำแพงสื่อสาร

นายกฯ แจงความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่การครอบงำ พร้อมร่วมมือตามกฎหมาย ปมคำร้องยุบ “เพื่อไทย” เผยบรรยากาศดินเนอร์ครั้งแรกพรรคร่วมรัฐบาล ชื่นมื่น ขอสื่อสารกันให้มากขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ (21 ต.ค. 67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำหัวหน้าและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ (Rosewood Bangkok) ถนนเพลินจิต ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับ 6 ดาว ของนางพินทองทา ชินวัตร คุณากรณ์วงศ์ พี่สาว

น.ส.แพทองธาร เปิดเผยว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี โดยได้คุยกันหลายเรื่องที่คิดจะทำร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาล มีการคุยเรื่องการทำงาน ได้ย้ำว่าอยากคุยกับทุกคนเรื่องการทำงานอย่างใกล้ชิด หลังจากกลับจากการประชุมเอเปกจะได้เชิญหัวหน้าพรรคเป็นรายพรรคและคุยแยกเป็นรายกระทรวง เพราะอยากทราบถึงปัญหาและแนวทางที่จะทำงานร่วมกัน ซึ่งดินเนอร์พรรคร่วมฯ ครั้งต่อไปพรรคภูมิใจไทยจะเป็นเจ้าภาพ

“เรื่องยาก ๆ คุยกันตั้งแต่เริ่ม ทันทีที่สื่อมวลชนออกจากห้องก็คุยกันทันที มันก็เป็นเวทีนี้แหละคะที่สามารถคุยเรื่องเซนซิทีฟและละเอียดได้เพราะเป็นห้องปิดแล้วก็สามารถคุยกันว่าอย่างไร คุยกันแน่นอนเรื่องไหนที่รู้สึกว่าต้องคุยก็ต้องคุย ส่วนเรื่องไหนที่ต้องคุยกันเป็นกลุ่มเล็ก เป็นคู่ก็ได้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องนี้คุยกันอยู่แล้ว” น.ส.แพทองธาร กล่าว

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ได้ขอความร่วมพรรคร่วมรัฐบาลไปหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการทำงาน ตนเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่นาน คิดว่าเรื่องการสื่อสารสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกันเอง ใน ครม. พรรคร่วมฯ และประชาชน ขอให้ลดกำแพง สื่อสารให้ง่าย

ส่วนเรื่องนิรโทษกรรม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อย่างที่ทราบทุกเรื่องก็มีเรื่องที่ทั้งเห็นตรงกัน และก็เห็นไม่ตรงกัน เพราะเป็นประชาธิปไตย แต่ว่าทุก ๆ เรื่องก็สามารถตกลงกันได้ พูดคุยกันได้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ เพราะฉะนั้นต่อไปก็ขอให้เป็นเรื่องในสภาฯ ว่ากันต่อไป ซึ่งมีรายละเอียดขอไม่ชี้แจงตรงนี้ ขณะที่รัฐบาลและสภาฯ แยกกันไม่ต้องมีเรื่องที่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน

ทั้งนี้เรื่องนิรโทษกรรมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อเสนอไปที่สภาฯ แล้วพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องเห็นไปในแนวทางเดียวกันหรือให้เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีข้อสรุปที่ชัดเจน อย่างที่ได้มีการคุยกันคือถ้าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร จะต้องเว้นหมวด 1 และหมวด 2 เป็นการตกลงที่ทำให้เราร่วมรัฐบาลกันได้และเห็นพ้องต้องกัน และย้ำว่าในรายละเอียดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นขอให้เป็นเรื่องของสภาฯ

น.ส.แพทองธาร ย้ำจุดยืนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ว่า “เราไม่แตะเรื่อง 112 อยู่แล้ว อันนี้พูดไปในทุกเวทีอยู่แล้ว”

ในกรณีคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย ปมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำ ชี้นำ พรรคและ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมฯ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ได้ตรงกับข้อกล่าวหาใดๆ ไม่ได้มีใครกังวลเรื่องนี้

“ทุกอย่างมันไม่ได้เข้าข้อกล่าวหาอยู่แล้วแต่ว่าจริง ๆ ถ้ากฎหมายจะต้องให้ความร่วมมือก็ให้ความร่วมมืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรต้องห่วง” น.ส.แพทองธาร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวที่ถามคำถามนายกรัฐมนตรีว่ากรณีมีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยถูกร้องยุบพรรค เพราะไม่มีพรรคพลังประชารัฐร่วมรัฐบาลชุดนี้ โดยนายสรวงศ์ปฏิเสธว่า ตนไม่ได้ให้สัมภาษณ์เช่นนั้น

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวถามอีกว่ารัฐบาลจะต้องตีห่างจากนายทักษิณหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบกลับว่า “พูดถึงใครนะคะ” เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่าพูดถึงรัฐบาล นายกฯ จึงกล่าวว่า “ถ้าสมมุติว่าเราไปทานข้าวร่วมกันเป็นการครอบงำเลยไหมคะ อย่างนี้ถ้าสมมุติว่าดิฉันไปทานข้าวกับคนอื่น ๆ เช่น ตัวดิฉันไปทานข้าวกับอดีตนายกฯ ท่านเศรษฐา ก็เป็นการครอบงำหรือเปล่าหรือยังไงคือมันไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้ว ความสัมพันธ์ที่ดีก็คือความสัมพันธ์ที่ดี ความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่การครอบงำ ดิฉันเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านในที่นี้ รักเคารพคุณทักษิณ โดยที่ว่าบางทีอาจไม่ใช่การคุยการเมืองเลยด้วยซ้ำ ไม่มีเลยด้วยซ้ำ แล้วก็อาจจะเป็นการคุยการเมือง เมื่อ 20 ปีที่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง สมัยนั้นใครเป็นรัฐมนตรีสมัยแรกอะไรอย่างนี้ค่ะ มันเป็นคุยที่คนมีความสัมพันธ์ที่ดีกันน่ะค่ะเพราะฉะนั้นมันก็เป็นเรื่องนั้นเป็นส่วนใหญ่”

“ทุก ๆ คน มีความคิดเป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็นพรรคอื่น ๆ ก็ตาม ถ้าโดนในเรื่องใด ๆ ทุกพรรคต้องมีกรรมการบริหารพรรค ที่จะต้องได้รับคำปรึกษามาก่อน ถ้าไม่มีความเห็นด้วยหรืออะไรทั้งสิ้นก็คือครอบงำไม่ได้อยู่ดี ไม่มีใครครอบงำได้ ในพรรคต้องคุยกันเอง ตกลงกันเองในทุก ๆ เรื่อง เพราะฉะนั้นถ้าจะพูดว่าการติดต่อกับท่านทักษิณ ซึ่งวันนี้กลับมาอยู่เมืองไทยแล้วคือการครอบงำ ก็ต้องครอบงำไปทุกอย่างแล้ว คือถ้าคุยกับท่านทักษิณปุ๊บเป็นการครอบงำ ถ้ามันเท่ากับอันนั้น มันก็ไม่ได้แล้ว มันก็คือมันก็ไม่ได้ แล้วยังไงต่อ” น.ส.แพทองธาร กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button