โบรกเชียร์ซื้อ KBANK เป้า 188 บาท ชี้บริหารจัดการ NPL ดี-ยีลด์สูง 5%
CGSI แนะนำ “ซื้อ” KBANK ราคาเป้าหมาย 188 บาท คาดกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 67-69 โตดี และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 5.0% ต่อปีในปี 67-69 พร้อมสามารถบริหารจัดการ NPL ได้ดีขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK รายงานกำไรในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 5.4% จากไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องประมาณการของ Bloomberg consensus แต่ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 10% ดังนั้น กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 67 จึงอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 78.8% ของประมาณการทั้งปี
ทั้งนี้ KBANK มีกำไรก่อนตั้งสำรองในไตรมาส 3/67 ลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 4.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่อัตราการเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ 0% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 2.2% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 2.1% จากสิ้นปี 66 ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้เกณฑ์การอนุมัติ สินเชื่อที่ระมัดระวัง ประกอบกับเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
นอกจากนี้ KBANK ยังมี NPL เพิ่มขึ้นเป็น 3.82% จาก 3.27% ในไตรมาส 2/67 และมีอัตราการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL ลดลงเล็กน้อยเป็น 139% จาก 141% ในไตรมาส 2/67
โดยในไตรมาส 3/67 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ของ KBANK ลดลงมาที่ 3.68% จาก 3.73% ในไตรมาส 2/67 เนื่องจากผลตอบแทนจากสินทรัพย์ลดลง ทำให้รายได้ดอกเบี้ยลดลง 2.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 1.2% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังเติบโต 28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 10.2% จากไตรมาสก่อนหน้า เพราะรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง
อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเติบโตสูง 8.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 4.4% จากไตรมาสก่อนหน้าจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมรับจากบริการการค้าระหว่างประเทศและค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ขณะที่มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เพิ่มเป็น 44.2% จาก 43.4% ในไตรมาส 2/67 แต่ยอดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ KBANK ยังคงเป้าหมายทางการเงินในปี 67 แต่มองว่าสินเชื่อน่าจะไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 3- 5% ในปีนี้ เพราะยอดสินเชื่อ 9 เดือนขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์
ขณะที่ยังตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตระหว่าง 5-9% ในปีนี้ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุน, การให้บริการสินเชื่อและธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ (Trade finance)
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมในไตรมาส 4/67 จะเติบโตจากธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth management) ขณะเดียวกันเป้าหมายอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET-1)ระยะยาวของ KBANK ที่ 13-15% สะท้อนเสถียรภาพทางการเงิน, ผลตอบแทนที่ให้กับผู้ถือหุ้นและการลงทุนเพื่อการเติบโตแล้ว ทั้งนี้ CET-1อยู่ที่ 17.6% ในไตรมาส 3/67 นอกจากนี้ KBANK ยังคาดการณ์ว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
โดยฝ่ายวิเคราะห์ยังแนะนำ “ซื้อ” KBANK ราคาเป้าหมาย 188 บาทในปี 68 เท่ากับค่า P/BV 0.74 เท่า มองว่า ปี 67-69 EPS จะเติบโตดีในอัตรา 6.3-14.1%, อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 5.0% ต่อปีในปี 67-69 และสามารถบริหารจัดการ NPL ได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามมี downside risk หาก NPL กลุ่มสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคและสินเชื่อ SME สูงขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนปัจจัยบวกคือการที่ Bloomberg consensus ปรับเพิ่มประมาณการกำไรและอัตราการสำรองหนี้สูญกลับมาอยู่ในระดับปกติจากการใช้กลยุทธ์เคลียร์งบดุล