“พาณิชย์” ขึ้นทะเบียน “ทุเรียนบางนรา” สินค้า GI ใหม่ สร้างรายได้เกษตรกร 2.5 พันล้านต่อปี

“พาณิชย์” ขึ้นทะเบียน “ทุเรียนบางนรา” สินค้าคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ใหม่ จังหวัดนราธิวาส สร้างรายได้เกษตรกรในพื้นที่ราว 2.5 พันล้านต่อปี พร้อมเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (22 ต.ค.67) นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ มุ่งมั่นยกระดับเศรษฐกิจบนพื้นฐานแห่งอัตลักษณ์และภูมิปัญญาไทย โดยการขึ้นทะเบียนและการคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก

รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชนผ่านเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสินค้า ล่าสุด กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “ทุเรียนบางนรา” เป็นสินค้า GI ลำดับ 4 ของจังหวัดนราธิวาสต่อจากสินค้าปลากุเลาเค็มตากใบ ลองกองตันหยงมัสและข้าวหอมกระดังงานราธิวาส ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ไปก่อนหน้านี้ และเป็นสินค้า GI ทุเรียนไทย ที่ขึ้นทะเบียนเป็นลำดับที่ 18 ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI มากที่สุด

โดยทุเรียนบางนราเป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ก้านยาว ชะนี และมูซังคิง ที่มีลักษณะเนื้อค่อนข้างละเอียด เนื้อสีเหลืองหรือสีเหลืองเข้ม รสชาติหวานมัน มีกลิ่นเฉพาะตัวตามสายพันธุ์ ปลูกในแถบพื้นที่ลุ่มน้ำสายบุรี และบริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรี ครอบคลุมพื้นที่ 9 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส ได้แก่ อำเภอสุคิริน, อำเภอจะแนะ, อำเภอศรีสาคร, อำเภอรือเสาะ, อำเภอระแงะ, อำเภอแว้ง, อำเภอสุไหงปาดี, อำเภอเจาะไอร้อง และอำเภอบาเจาะ

ทั้งนี้ ทุเรียนที่ปลูกบริเวณนี้ได้ชื่อว่าเป็นทุเรียนคุณภาพดี เนื่องด้วยวิถีของเกษตรกรที่ปลูกไม้ผลแบบผสมผสานและพัฒนาสู่การปลูกทุเรียนเป็นพืชหลัก ต้นทุเรียนจึงได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี ประกอบกับความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ คือ ดินดี, น้ำดี อากาศดี ตั้งแต่ภูเขาจนถึงที่ราบลุ่มแม่น้ำสายบุรี

อีกทั้ง มีป่าฮาลาบาลาที่มีความอุดมสมบูรณ์ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “อเมซอนแห่งเอเชีย” โอบล้อมพื้นที่ ทำให้ “ทุเรียนบางนรา” มีคุณภาพดี เนื้อละเอียดและค่อนข้างแห้ง เคี้ยวละมุนลิ้น รสชาติหวานมันกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย มีการนำผลผลิตทุเรียนไปจำหน่ายในงานต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องทุกปี จนสามารถสร้างรายได้ให้กับ เกษตรกรในชุมชนกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี

ขณะที่ ปัจจุบันมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI ทั่วประเทศแล้ว 212 สินค้า มูลค่ากว่า 76,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะเดินหน้าผลักดันการขึ้นทะเบียน GI ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า ทั้งนี้ กรมฯ ขอเชิญทุกท่าน ร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการ GI และอุดหนุนสินค้า GI ไทย โดยติดตามข้อมูลสินค้า GI รายการต่างๆ และข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องได้ที่ เพจ Facebook : GI Thailand หรือสอบถามเพิ่มเติมโทรสายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา 1368

Back to top button