“พิชัย” ชี้เป้า “ธุรกิจประกัน” ปี 68 คึกคัก คาดโตทะลุ 1 ล้านล้าน

“พิชัย” รมว.คลัง คาดเป้าเบี้ยประกันภัยปี 68 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท ด้าน “คปภ.” คาดปีนี้แตะ 9.5 แสนล้านบาท โตแกร่ง 3.7% ลุยสร้าง Market Place รองรับระบบประกันภัยดิจิทัล เพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงง่ายทุกช่วงชีวิตอย่างตรงจุด


นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวในงานพิธีมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567 ว่า ธุรกิจประกันภัยเป็นหนึ่งในโครงสร้างสำคัญของระบบเศรษฐกิจและภาคสถาบันการเงิน ร่วมกับภาคการธนาคารและตลาดทุน โดยเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนและมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง

โดยปัจจุบันธุรกิจประกันภัยทั้งระบบมีสินทรัพย์ลงทุนรวมกว่า 4 ล้านล้านบาท และจากความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 452,000 ล้านบาท มาจากเบี้ยของธุรกิจประกันชีวิต 311,000 ล้านบาท และเบี้ยของธุรกิจประกันวินาศภัย 140,400 ล้านบาท โดยคาดว่าปิดสิ้นปี 2567 เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงแตะ 952,126 ล้านบท เติบโต 3.7% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY)ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ประกันภัยมากยิ่งขึ้น และการตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนเพื่อความมั่นคงในอนาคต

โดยโอกาสและความท้าทายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจประกันภัยเติบโต ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจประกันภัยก็มีการเติบโตที่ดีมาตลอด แต่คงจะไม่ประมาทหรือเพิกเฉยต่อความท้าทาย ดังนั้นสำนักงาน คปภ. จึงมุ่งมั่นการผลักดันมาตรการเชิงรุกที่สำคัญและจำเป็น เพื่อให้ระบบประกันภัยมีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นที่พึ่งพิงของประชาชน

ทั้งนี้ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินโครงการที่สำคัญ อาทิ 1.ปรับปรุงการตรวจสอบบริษัทประกันภัยให้เป็นเชิงรุก โดยทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) เพื่อความมั่นคงทางการเงิน ความเป็นธรรมของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นของธุรกิจประกันภัย 2.การยกระดับกฎหมาย กฎระเบียบ และการตรวจสอบเพื่อให้สามารถบังคับใช้ได้อย่างเหมาะสม และการแก้ไขกฎหมายล้าสมัย

3.การยกระดับมาตรฐานการอนุมัติกรมธรรม์ประกันภัย โดยเข้มงวดการพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยจะต้องพิจารณาถึงความพร้อมด้านการเงิน ความเชี่ยวชาญ และการบริหารความเสี่ยง 4.ยกระดับการตรวจสอบความเสี่ยงและสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า ให้เป็นข้อมูลเรียลไทม์ พร้อมทั้งมีการวิเคราะห์แบบจำลองความเสี่ยงที่สามารถระบุแนวโน้มความผิดปกติหรือความเสี่ยงภัยใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

5.การวางโรดแมปของธุรกิจประกันภัยอีก 5-10 ปี หรือ 20 ปีข้างหน้า 6.การสร้าง Market Place เพื่อสร้างระบบประกันภัยดิจิทัล ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยเข้าไปรองรับทุกช่วงชีวิตและการใช้ชีวิตของคนอย่างตรงจุด ยุติธรรม เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้และเข้าถึงง่ายและอยากเข้าถึง

7.พลิกบทบาทการประกันภัยให้เป็นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ โดยสร้างแวลูเชนให้เป็นแขนขาและกลไกหลัก ทั้งการออม การเป็นหลักประกัน และการลงทุน สร้างงาน และสร้างอาชีพให้คนในชาติ เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ยกระดับการประกันภัยให้ก้าวล้ำ นำสมัยระดับสากล เดินหน้าสร้างประเทศไทยให้เป็น Land of Insurance Community

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ธุรกิจประกันภัยถือว่ามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และในปี 2567 ที่คาดว่าสิ้นปีนี้เบี้ยประกันภัยจะเติบโต 3.7% ถือว่าจะเป็นการเติบโตสูงกว่าตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเติบโต 2.7% จึงขอแสดงความยินดีล่วงหน้า

อย่างไรก็ดีคาดหวังว่าในปี 2568 จะเห็นธุรกิจประกันภัยมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงทะลุ 1 ล้านล้านบาท

Back to top button