นายกฯ ปลื้ม “ต่างชาติ” แห่ลงทุนไทยทะลุ 7.2 แสนล้าน ทุบสถิติรอบ 10 ปี
แพทองธาร ชินวัตร ปลื้มต่างชาติขอรับส่งเสริมการลงทุนปี 67 ทะลุ 7.22 แสนล้านบาท สูงสุดรอบ 10 ปี สะท้อนเชื่อมั่นไทย พร้อมเร่งกระตุ้นนโยบายดึงดูดการลงทุน เสริมสร้างศักยภาพเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (23 ต.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความขอบคุณนักธุรกิจต่างชาติที่มีความมั่นใจในประเทศไทย โดยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนปีนี้สูงสุดในรอบ 10 ปี พร้อมกำชับให้กระทรวงเศรษฐกิจเร่งกระตุ้นและส่งเสริมดำเนินนโยบายที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพและเพิ่มปริมาณการเข้าลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น
“ตัวเลขการลงทุนสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและโครงสร้างพื้นฐานที่ดีของประเทศไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเดินหน้าเร่งพัฒนาระบบนิเวศและปัจจัยที่จะส่งผลต่อการลงทุน เพื่อรองรับกับสถานการณ์การเคลื่อนย้ายฐานการผลิตโลก ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว” นายจิรายุ กล่าว
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้รายงานตัวเลขคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.67) เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยมีจำนวน 2,195 โครงการ เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุน 722,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีประมาณ 5 แสนล้านบาท
“นักลงทุนส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนในภูมิภาคนี้และการขอรับการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นยอดลงทุนที่สูงสุดในรอบ 10 ปี” นายจิรายุ กล่าว
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นอันดับ 1 มีมูลค่า กว่า 1.8 แสนล้านบาท อันดับ 2 กลุ่มดิจิทัล มีมูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท อันดับ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และ ชิ้นส่วนมีมูลค่าประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท อันดับ 4 กลุ่มเกษตร และ แปรรูปอาหาร มีมูลค่า 5.2 หมื่นล้านบาท และอันดับ 5 กลุ่มปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ มีมูลค่าประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท
สำหรับ การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ล่าสุดมีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริม 1,449 โครงการ เพิ่มขึ้น 66% เงินลงทุนรวมกว่า 5.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% โดยประเทศที่มีมูลค่าขอรับการส่งเสริมสูงสุด 5 อันดับแรกคือ สิงคโปร์ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท จีน 1.1 แสนล้านบาท ฮ่องกง 6.8 หมื่นล้านบาท ไต้หวัน 4.4 หมื่นล้านบาท และญี่ปุ่น 3.5 หมื่นล้านบาท และเงินลงทุนสูงสุดอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก อาทิ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา 4.08 แสนล้านบาท ภาคกลาง 2.2 แสนล้านบาท ภาคเหนือ 3.5 หมื่นล้านบาท ภาคใต้ 2.5 หมื่นล้านบาท ภาคอีสาน 2.3 หมื่นล้านบาท และภาคตะวันตก 8.8 พันล้านบาท
ส่วนการขอรับการส่งเสริมตามมาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายเดิมให้สามารถปรับตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้นั้นมีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 287 โครงการ เงินลงทุนรวม 2.7 หมื่นล้านบาท
รวมทั้งการออกบัตรส่งเสริมในช่วง 9 เดือนแรกของปีมีจำนวน 2,072 โครงการ เพิ่มขึ้น 59% เงินลงทุน 6.72 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีการออกบัตรส่งเสริมเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงการลงทุนจริงมากที่สุด โดยปกติบริษัทต่าง ๆ จะเริ่มทยอยลงทุนภายใน 1-3 ปีหลังออกบัตรส่งเสริมการลงทุน