“พิชัย” ชงนายกฯ ตั้งบอร์ดแก้ปม สินค้าไร้มาตรฐาน ทะลักเข้าไทย
พิชัย นริพทะพันธุ์ ชงนายกฯ ตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาสินค้าต่างชาติราคาถูก ไร้มาตรฐานทะลักเข้าไทย พร้อมคุมเข้มธุรกิจผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (24 ต.ค.67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้นำเสนอให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมีตนเป็นประธานและมีตัวแทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย
ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเดินหน้าป้องกันและแก้ไขปัญหากรณีสินค้าราคาถูกและไร้มาตรฐานทะลักเข้าสู่ประเทศจำนวนมาก อีกทั้ง มีคนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไทยอย่างผิดกฎหมาย โดยภายหลังนายกรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วจะเรียกประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อเดินหน้าการทำงานทันที
“จากการหารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ทราบว่า ทางการจีนไม่ต้องการให้ผู้บริโภคชาวไทยมีทัศนะคติที่ไม่ดีกับจีน และไม่ต้องการให้เรื่องไม่ดี มากระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ จึงยินดีให้ความร่วมมือกับไทยเต็มที่ ส่วนกรณีของเทมู ภาครัฐจะเร่งดำเนินการให้ผู้ประกอบการเข้ามาตั้งสำนักงานในไทยโดยเร็ว เพื่อให้ภาครัฐกำกับดูแลประโยชน์ผู้บริโภค และความเป็นธรรมในการทำธุรกิจ” นายพิชัย กล่าว
ขณะที่เมื่อเดือน ก.ย.67 นายพิชัย ได้หารือกับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาจีนประจำประเทศไทย โดยฝ่ายจีนพร้อมให้ร่วมมือไทย โดยเฉพาะแก้ปัญหาขาดดุลการค้าของไทย ซึ่งรัฐบาลจีนพร้อมส่งเสริมนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่ม รวมถึงยอมรับการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าของไทย ได้แก่ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และ มาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ไทยบังคับใช้กับทุกประเทศเป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อดูแลความปลอดภัยของคนไทย
นอกจากนี้ จีนยินดีสนับสนุนนำผู้ประกอบการไทยและ SME เข้าไปเปิดตลาดขายสินค้าในจีน ทั้งผ่านงานแสดงสินค้า และช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok หรือ Alibaba รวมถึงสนับสนุนให้ทุนจีนเข้ามาลงทุนเพิ่มในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง เช่นเดียวกับสนับสนุนให้ชาวจีนมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ยังจะพัฒนาทรัพยากรบุคคลไทยรองรับเทคโนโลยีใหม่ พร้อมส่งเสริมนโยบาย ซอฟต์พาวเวอร์
ส่วนกรณีของ เทมู ทูตจีนแจ้ง่า บริษัทได้รับทราบกฎระเบียบและข้อร้องเรียนต่างๆ ของไทยแล้ว และกำลังประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องของไทย เพื่อปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของไทย ทั้งการจัดตั้งบริษัทและลงทะเบียนอย่างเป็นทางการที่ไทย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังนั่งเป็นรมว.พาณิชย์ ได้ประชุมร่วมกับกว่า 20 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้ และได้กำหนด 5 มาตรการหลัก 63 มาตรการย่อยในการแก้ปัญหานี้ ได้แก่
1.หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้ระเบียบ กฎหมายอย่างเข้มข้นโดยบูรณาการตรวจเข้มสินค้านำเข้า ณ ด่านศุลกากร, 2.ปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการค้าในอนาคต, 3.มาตรการภาษี ผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร, 4.มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทยให้นำธุรกิจได้อย่างเข้มแข็ง และ 5.ต่อยอดความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น เช่น จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลี
ขณะที่สถิติการค้าไทย–จีน ปี 66 มีมูลค่าการค้ารวม 104,964 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ 3.64 ล้านล้านบาท โดยไทยขาดดุลจีน 36,635 ล้านเหรียญฯ หรือ 1.29 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์