ลุ้น SET รีบาวด์ตามตปท. ดอลลาร์ชะลอแข็งค่า-บอนด์ยีลด์ย่อตัว

แนวโน้ม SET รีบาวด์จำกัด จากดอลลาร์สหรัฐชะลอแข็งค่า และบอนด์ยีลด์สหรัฐ อายุ 10 ปี ย่อตัวลง รอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย ให้แนวรับที่ 1,450-1,460 จุด และแนวต้าน 1,470-1,480 จุด


นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดรีบาวด์จำกัด ได้แรงหนุนจาก US Dollar Index (USDX) ชะลอการแข็งค่า บวกกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี ย่อตัวลง ขณะที่ตลาดหุ้นบ้านเราปรับตัวลงติดต่อกันหลายวัน ลบรวม 50 จุด นับจากจุดพีคที่ระดับ 1,500 จุด ส่งผลให้มีโอกาสรีบาวด์ได้บ้าง

อย่างไรก็ตามยังมีแรงกดดันจากต่างชาติเทขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย โดยวันนี้คาด DELTA จะมีการประกาศงบ แนะรอติดตาม ให้แนวรับที่ 1,450-1,460 จุด และแนวต้าน 1,470-1,480 จุด

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ คาด SET Index แกว่ง Sideways โดยมีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้นได้บ้าง ในกรอบ 1,460-1,470 จุด หลังปรับตัวลงจาก High ในช่วง 4 วันล่าสุดราว 46 จุดหรือ 3% รวมถึงบรรยากาศการลงทุนจากต่างประเทศที่ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย โดย Bond Yield 10 ปี สหรัฐฯ และ Dollar Index ย่อตัวลงบ้าง หนุนเม็ดเงินไหลกลับหาสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึง Tesla ที่ปรับขึ้นแกร่ง 22% จาก Outlook ปี 68 ที่เป็นบวก คาดเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่ม เทคโนโลยีต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามภาพรวม Upside ระยะสั้นคาดว่ายังค่อนข้างจำกัด โดยตลาดจับตาทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 7 พ.ย. หลังคะแนนนิยมของทรัมป์-แฮรริส สูสี กันอย่างมาก รวมถึงติดตามการทยอยคาดการณ์และประกาศกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 36/67 ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เบื้องต้นประเมินกำไรลดลง 16% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหากไม่ได้ออกมาต่ำกว่าคาด และไม่เกิด Downside ต่อ EPS ของ SET ปี 67-68 อย่างมีนัยยะ

ยังเชื่อว่าดัชนีจะทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในระยะกลาง-ยาว โดยหากประเมินจาก Earnings Yield Gap ปัจจุบันที่ยังกว้างราว 4.3% สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ราว 3.7-3.8% สะท้อนถึง Upside ของดัชนีในปีหน้าอีกราว 100+- จุด ซึ่งใกล้เคียงกับ SET Target เบื้องต้นในปี 68 อยู่ที่ 1,600+- จุด

โดยมองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะภาคการบริโภค ได้แก่ ไฟแนนซ์ ค้าปลีก อาหาร เครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งจะได้อานิสงส์จากทั้งดอกเบี้ยที่ขยับลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ครม. ขณะที่ Downside ยังคงถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์

Back to top button