“เอกภาวิน” มอง SET พักฐาน แนะเก็บหุ้น 3 ธีม รอปัจจัยหนุนใหม่ หลังเลือกตั้งสหรัฐ
“เอกภาวิน สุนทราภิชาติ” มอง SET พักฐาน แนะเก็บ BBL-CPALL-BDMS-TU-ADVANCE- BCP จาก 3 ธีม กลุ่ม Earning play- กลุ่มรับอานิสงค์เงินบาทอ่อนค่า- กองทุนวายุภักษ์ รอปัจจัยหนุนใหม่ หลังเลือกตั้งสหรัฐ
นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด หรือ INVX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (28 ต.ค.67) ว่าภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้มีแนวโน้มอยู่ในลักษณะพักฐาน เนื่องจากยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ รวมถึงแรงซื้อฝั่งกองทุนอาจจะรอประเด็นใหม่ๆเช่นเดียวกัน ในส่วนนักลงทุนต่างชาติสามารถเทขายได้ เนื่องจากทิศทางเงินบาทยังอ่อนค่าในระยะนี้ โดยสัปดาห์นี้น้ำหนักตลาดยังอยู่ฝั่งของสหรัฐฯดูเด่นกว่าตลาดหุ้นไทย
โดยเฉพาะพวกหุ้นเทคโนโลยีหลายตัวของสหรัฐที่จะรายงานผลประกอบการ ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีและรวมถึงตัวเลข GDP ของสหรัฐในไตรมาสที่ 3 ประมาณการณ์ครั้งแรกคาดตัวเลขน่าจะแข็งแกร่งส่งผลสะท้อนให้ดอลลาร์แข็งค่าขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งนักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยได้ดี เนื่องจากตลาดยังมีดาวน์ไซด์อยู่
ดังนั้น คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังเป็นภาพพักฐานและมีการดาวน์ไซด์ในกรอบบน ให้แนวต้านอยู่ที่ 1,470 – 1,480 จุด ขณะที่ให้แนวรับอยู่ที่ 1,450-1,440 จุด
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองเพิ่มเติมว่า SET อยู่ในช่วงพักฐานและประกอบกับจะมีการเลือกตั้งสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.นี้ จึงทำให้ตอนนี้มีดาวน์ไซด์ ส่งผลสะท้อนให้ตลาดหุ้นไทยมีความโดดเด่นเติบโตต่อเนื่องและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังปี 67 ต่อไปจนถึงปีหน้า รวมถึงพวกเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง หรือกองทุน THAI ESG น่าจะเข้ามาช่วยประคองในช่วงใกล้ปลายปีนี้ โดยมีโอกาสขยับเป้าหมายขึ้นไปเหนือ 1,530-1,550 จุด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุอีกว่า ถ้าหาก โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ชนะขาดลอย จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเพราะจะมีมาตรการลดภาษีออกมา แต่ถ้าไม่ชนะขาด ส่งผลเรื่องเสถียรภาพและการออกนโยบายเศรษฐกิจตามมา อาจจะมีภาพเทขายเพื่อลดความสี่ยง แต่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังดูดีอยู่ โดยจับตาครึ่งหลังเดือนพ.ย.ถึง ธ.ค.จะมีการเคลื่อนไหวดี ที่ตอนนี้รอความชัดเจนทั้งเรื่องการเมืองไทยคดีร้องยุบพรรคเพื่อไทยและผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ดังนั้นตอนนี้จึงมีการพักฐานกันอยู่ ซึ่งคาดการณ์หลังเลือกตั้งสหรัฐมองเป้าไปถึงที่ 1,500 – 1,530 จุด
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ได้จัดธีมเป้าหมายการลงทุนในช่วงนี้ จำนวน 3 ธีม ได้แก่ 1. ธีมที่ได้รับอานิสงค์จากพวก Earning play ที่งบไตรมาส 3 ออกมาดี เช่นกลุ่มโรงพยาบาล บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS และพวกกลุ่มค้าปลีกอย่าง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL
2. ธีมที่ได้รับอนิสงค์จากเงินบาทอ่อนค่า ประกอบด้วย บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU และ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE
3. ธีมที่ได้รับประโยชน์จากพวกปันผลและพวกกองทุนวายุภักษ์และกองทุน THAI ESG ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANCE