SCGD รายได้ขายลด กดกำไรไตรมาส 3 หดตัว 17% แตะ 189 ล้านบาท
SCGD รายงานกำไรไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 188.99 ล้านบาท ลดลง 17% จากปีก่อนมีรายได้ 228.18 ล้านบาท หลังมีรายได้ขายลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยในไตรมาส 3/67 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 6,235 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับรายได้จากการขายของช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากกำลังซื้อทั้งใน ประเทศไทยและต่างประเทศยังคงชะลอตัว จากภาวะหนี้ครัวเรือน และปริมาณบ้านสร้างเสร็จรอขายที่อยู่ในระดับสูงใน ประเทศไทย และสถานการณ์อุทกภัยในประเทศไทย และประเทศเวียดนาม
หากพิจารณารายได้รายประเทศในไตรมาสที่ 3/67 ประเทศไทยมีรายได้จากธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและธุรกิจอื่นอยู่ที่ 2,940 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากธุรกิจสุขภัณฑ์ 1,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาขายปรับตัวสูงขึ้นจากการเน้นขายตลาดระดับบน (High-End) แต่ลดลงร้อยละ 4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยปัจจัยกำลังซื้อภายในประเทศอ่อนตัวและจากภาวะเงินเฟ้อและหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สถานการณ์อุทกภัย
อีกทั้งงานโครงการและโครงการราชการชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการขายในประเทศไทยลดลง สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเซรามิกในประเทศไทยในไตรมาสที่ 3/67 ประมาณการลดลงร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากไตรมาสก่อน
นอกจากนี้ ตามที่ SCGD ได้เปิดเผยในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (แบบ Filing) และในรายงานประจำปี 2566 (แบบ 56-1 One Repon) เกี่ยวกับข้อเรียกร้องจากหน่วยงานรัฐประเทศอินโดนี้เซียต่อบริษัทย่อยของ SCGD ในตลาดหลักทรัพย์ดินโดนีเซีย (Indonesia Stock Exchange M หรือ IDX) ที่ประกอบธุรกิจกระเบื้องเซรามิก ชื่อ PT Keramika Indonesia Assosiasi Tbk (หรือ “KIA”) และบริษัทย่อยของ KIA (PT KIA KERAMIK MAS 11อ “KKM”)
โดยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 และ 6 ธันวาคม 2566 ทั้ง KIA และ KKM ได้ยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐของอินโดนี่เซียต่อศาลปกครองชันต้น เพื่อให้ยกเลิกการเรียกร้องที่อ้างว่า KIA มีหนี้เงิน ต่อหน่วยงานรัฐของอินโดนีเชีย และให้ยกเลิกการระงับการเข้าระบบจดแจ้งทางทะเบียนกับ Ministry of Law and Human Rights ซึ่งต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2567 ศาลปกครองชั้นตันได้มีคำพิพากษายกฟ้อง และ KIA และ KKM ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูง แล้วนั้น
SCGD ขอเรียนให้ทราบว่า ล่าสุด KIA ได้เปิดเผยข้อมูลต่อ IDX ว่า ศาลสูงได้ตัดสินยืนยืนตามคำพิพากษาของศาลขั้นต้นให้ยกฟ้อง ดังนั้น KIA และ KKM จึงจะดำเนินการโต้แย้งต่อศาลฎีกา เพื่อขอให้ทบทวนคำพิพากษาข้างต้นต่อไป ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียดข่าวของ KIA เพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ IDX (https://www.idx.co.id/en/listed-companies/disclosure/)
โดย KIA และบริษัทย่อย ได้ดำเนินงานตามปกติตลอดมา โดยงบการเงินรวมสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 มียอดขายประมาณ 988 ล้านบาท EBITDA ประมาณ 1 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิประมาณ -86 ล้านบาท