ผู้ถือหุ้น UBE ไฟเขียวเข้าถือ “โอชิเน” 60% ลุยร้านอาหารญี่ปุ่น

ผู้ถือหุ้น UBE ไฟเขียวให้บริษัทเข้าถือหุ้น “โอชิเน” สัดส่วน 60% ลุยธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ชูกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง เล็งขยายสาขาต่างจังหวัด-เซาท์อีสต์เอเชีย วางเป้ารายได้ 5 ปี เติบโต 15%


นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากภาวะอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากธุรกิจเดิม ทั้งธุรกิจเอทานอล และแป้งมันสำปะหลังที่เป็นธุรกิจต้นน้ำโดยใช้วัตถุดิบทางการเกษตรมันสำปะหลังเป็นหลัก มีความผันผวนจากสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ผลผลิตลดลง บริษัทฯ จึงมีการปรับแผนกลยุทธ์จากเดิม

โดยมองโอกาสการลงทุนไปในธุรกิจใหม่ปลายน้ำที่มีศักยภาพในการเติบโต ในขณะที่ธุรกิจเดิมจะมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต เราหวังอีกช่องทางหนึ่งว่าร้านอาหารโอชิเนจะช่วยทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของธุรกิจแป้งมันสำปะหลังมากขึ้น สามารถนำไปต่อยอดสินค้าอื่นๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทอีกทางหนึ่ง รวมทั้งในมุมของการตอบสนองของลูกค้าจะสามารถทำให้เราต่อยอดในงานวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ การขยายเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหารในรูปแบบการควบรวมกิจการ (M&A) ที่มีศักยภาพ และถือเป็นการสอดรับกับแผนยุทธศาสตร์การเติบโตของบริษัทฯ โดยเฉพาะร้านอาหารสไตล์พรีเมียมบุฟเฟต์มีบรรยากาศเป็นกันเอง ซึ่ง UBE เห็นเล็งถึงศักยภาพร้านอาหารญี่ปุ่น นับเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพ

ขณะที่ ล่าสุดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนใน บริษัท โอชิเน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด หรือ Oshinei ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นก่อตั้งในปี 2014 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งได้แก่ เชฟกิตติศักดิ์ เชฟสมพร และ เชฟบุญธรรม ดีกรีเป็นเชฟกระทะเหล็กนับเป็นการสอดรับกับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของรายได้และผลประกอบการทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว ตลอดจนจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ

สำหรับ การเข้าลงทุนในโอชิเนในครั้งนี้ จะเป็นการลงทุนครั้งที่ 1 ภายใต้สัญญาจองซื้อหุ้นและสัญญาซื้อขายหุ้น โดยจะทำการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 67,962 หุ้น หรือเท่ากับสัดส่วนร้อยละ 12.75 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดในโอชิเนภายหลังจากการเพิ่มทุน คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 76,000,000 บาท และเข้าซื้อหุ้นสามัญเดิมของ โอชิเน จำนวน 251,816 หุ้น หรือเท่ากับสัดส่วนร้อยละ 47.25 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของโอชิเน

โดยบริษัทฯ จะชำระค่าตอบแทนเป็นเงินสดจำนวนรวม 281,600,796.48 บาท ซึ่งภายหลังการเข้าลงทุนในโอชิเน ครั้งที่ 1 เสร็จสมบูรณ์ จะส่งผลให้ UBE ถือหุ้นในโอชิเนรวมทั้งสิ้น จำนวน 319,778 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 60.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของโอชิเน สำหรับแหล่งเงินทุนในหุ้นสามัญของโอชิเน จำนวน 357.60 ล้านบาท จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ จำนวน 120 ล้านบาท และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวน 237.60 ล้านบาท

ทั้งนี้ โอชิเนเป็นแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นมาร่วมกว่า 10 ปี ซึ่งดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองหรือ Small Town Strategy โดยมุ่งขยายในตลาดต่างจังหวัดทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 28 สาขา ในจ.อุบลราชธานี จ.เชียงใหม่ และจ.นครปฐม เป็นต้น โดยแบ่งเป็นร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น 27 สาขา และมีการแตกไลน์ธุรกิจเป็นร้านยากินิกุอีก 1 สาขา ด้วยจุดเด่นของโอชิเน ที่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีหลากหลายเมนู แบบพรีเมียมแมส (Premium Mass) จนได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคโดยมีฐานลูกค้าอย่างกว้างขวางจากสาขาที่ขยายอย่างรวดเร็วในช่วงสถานการณ์โควิดในห้วงปี 2564-2566 ที่ผ่านมา

โดยแผนธุรกิจหลังจากนี้ บริษัทฯ เตรียมขยายสาขาใหม่ในตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์จะเปิดเพิ่มจำนวน 2-3 สาขาต่อปี รวมทั้งมีแผนขยายสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ เวียดนาม จากปัจจุบันที่มีการเปิดสาขาใน สปป.ลาว จำนวน 1 สาขา โดยวางเป้าหมายธุรกิจอาหาร 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 15 % ของรายได้รวม

Back to top button