กรมพัฒน์ฯ เปิดยอดตั้ง “ธุรกิจใหม่” เดือน ก.ย.โต 10.69% ทุนจดทะเบียนกว่า 2.2 หมื่นล.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดยอดตั้งธุรกิจใหม่เดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 760 ราย โต 10.69% รวมทุนจดทะเบียนกว่า 22,048 ล้านบาท หลังภาคท่องเที่ยวพุ่ง 25% รับนโยบายรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ต.ค.67) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยผลการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนกันยายน 2567 มีจำนวน 7,867 ราย เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2566 เพิ่มขึ้น 760 ราย หรือคิดเป็น 10.69% และทุนจดทะเบียน 22,048.51 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2566 ลดลง 2,122.13 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.78% โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากภาคการท่องเที่ยวที่จดทะเบียนเพิ่มขึ้น 25% ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจประเทศ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

สำหรับประเภทธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 620 ราย ทุน 1,349.33 ล้านบาท
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 531 ราย ทุน 3,465.99 ล้านบาท
3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 374 ราย ทุนจดทะเบียน 716.75 ล้านบาท

ทั้งนี้ การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในช่วง 3 ไตรมาสแรกมี 3 ธุรกิจที่น่าจับตามอง เพราะมีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ได้แก่

1. ธุรกิจการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง ยกเว้นทางออนไลน์ ที่มีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 41 เท่า เนื่องจาก กสทช.ให้สถานีวิทยุกระจายเสียงดำเนินการขอรับใบอนุญาตกิจการกระจายเสียงภายในวันที่ 31 ธ.ค.67 เพื่อนำไปประกอบการขออนุญาตดังกล่าว

2. ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เช่น ตู้หยอดเหรียญล้างรถ ตู้หยอดเหรียญคีบตุ๊กตาและจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ และตู้บริการถ่ายภาพโฟโต้บูธ จดทะเบียนเพิ่มขึ้น 3.60 เท่า

3. ธุรกิจปลูกข้าวจ้าว จดทะเบียนเพิ่มขึ้น 2.56 เท่า เนื่องจากกรมการข้าวสนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกรจัดตั้งเป็นนิติบุคคล เพื่อเข้าร่วมโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร

ด้าน นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดการณ์จดทะเบียนในไตรมาสสุดท้ายของปีจะมีปัจจัยกระตุ้นจากการลงทุนภาครัฐ เช่น โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ปีงบประมาณ 68 เริ่มในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 67 ที่จะทยอยเริ่มโครงการ และช่วงปลายปีเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวระหว่างเดือน พ.ย.67-เม.ย.68 จะเป็นปัจจัยกระตุ้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง

รวมทั้งนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ประกาศออกมาในช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เช่น การผลักดันการปรับโครงสร้างหนี้ การส่งเสริมและป้องการผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย การกระตุ้นเศรษฐกิจผลักดันการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นต้น จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการใช้จ่ายให้กับภาคเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในไตรมาสสุดท้ายมีปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 20,000-23,000 ราย และคาดว่าตลอดปี 67 จะมีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ประมาณ 90,000-98,000 ราย

ส่วนการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือน ก.ย.67 มีจำนวน 2,254 ราย เพิ่มขึ้น 215 ราย หรือ 10.54% จากเดือน ก.ย.66 และทุนจดทะเบียนเลิก 16,611.91 ล้านบาท ลดลง 618.06 ล้านบาท หรือ 3.59% จากเดือน ก.ย.66

โดยประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 246 ราย ทุน 414.55 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10.91%
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 97 ราย ทุน 2,350.40 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.31%
3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 74 ราย ทุน 179.71 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.28%

โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 (ม.ค.-ก.ย.) อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 636 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 134,805 ล้านบาท จ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 2,505 คน

สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ญี่ปุ่น 157 ราย คิดเป็น 25% ลงทุน 74,091 ล้านบาท 2. สิงคโปร์ 96 ราย คิดเป็น 15% ลงทุน 12,222 ล้านบาท 3. จีน 89 ราย คิดเป็น 14% ลงทุน 11,981 ล้านบาท 4. สหรัฐอเมริกา 86 ราย คิดเป็น 13% ลงทุน 4,147 ล้านบาท และ 5. ฮ่องกง 46 ราย คิดเป็น 7% ลงทุน 14,116 ล้านบาท

ขณะที่มีการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติในช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 จำนวน 207 ราย หรือ คิดเป็น 33% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปีนี้ เพิ่มขึ้นจำนวน 108 ราย หรือ 109% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าการลงทุน 39,830 ล้านบาท หรือ 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้น 23,690 ล้านบาท หรือ 147% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

Back to top button