“ชัยยศ” มอง SET ซึมตัว แนะลงทุน ADVANC-AOT

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยฝ่ายผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (30 ต.ค.67) ว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะซึมตัว ซึ่งต้องรอติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีผลต่อการลงทุนทั่วโลกค่อนข้างสูงมาก หลังจากโพลล์สำรวจคะแนนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นำนางกมลา แฮร์ริสอยู่ โดยนโยบายเด่นชัดของทรัมป์คือเรื่อง American First ซึ่งต้องการให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตขึ้นเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม ฝั่งคู่ค้าทั้งพันธ์มิตรและไม่พันธมิตรของสหรัฐก็จะได้รับผลกระทบเรื่องภาษีนำเข้าและมีโอกาสที่คู่ค้าของสหรัฐจะโดน Trade War ซึ่งทำให้เศรษฐกิจประเทศอื่นๆอ่อนแอ ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐจะแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ผลสะท้อนไปยังธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด อาจชะลอการลงอัตราดอกเบี้ย โดยตอนนี้ทำให้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) เด้งกลับมาอยู่ที่ประมาณ 4.2%

ทั้งนี้ หาก Bond Yield สูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ จะไปกดดันกลุ่มประเทศระบบเศรษฐกิจแบบเดิม ที่อิงกับเรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นหลัก อาทิ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ถ้าหากดอกเบี้ยลงจะส่งผลดี แต่ถ้าดอกเบี้ยขึ้นจะทรงตัวนิ่งๆและส่งผลให้ Fund Flow ไหลออก ดังนั้นตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาพซึมๆ และมูลค่าการซื้อขายน้อยอยู่

โดยมองเรื่องนโยบายจากทางทรัมป์การจะเก็บภาษีสินค้าประเภทพวกชิปของไต้หวัน ซึ่งมีบริษัทในไทยจะได้รับผลกระทบ เดลต้า บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA กับ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET แนะให้ใจเย็นเฝ้าดูสถานการณ์สองหุ้นนี้ก่อน

นอกจากนี้นักวิเคราะมองกลยุทธ์การลงทุนว่า เน้นเป็นหุ้นรายตัว ช่วงการประกาศงบ เน้นหุ้นที่งบดีๆสวยๆ มีโอกาสขึ้นไป 1,540 จุด  มองปัจจัย SET Index หลังผ่านไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 มีปัจจัย 2 เรื่องหลัก คือ 1. ตัวเงินดิจิตัลของกลุ่มเปราะบาง 1.4 แสนล้านบาท 2.ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญอย่างจะทำให้ GDP ไตรมาสไตรมาส 4/67  มีโอกาสฟื้นตัวขึ้น รวมถึงเงินจากกองทุน THAI ESG , SSF น่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามา 3 หมื่นล้านบาท ส่งให้ SET กลับมารีบาวนด์ขึ้นมาได้

ดังนั้นถ้าหลังเลือกตั้งสหรัฐแล้วเสร็จ น่าจะทำให้ SET Index ดีขึ้น ด้วยปัจจัยภายในประเทศ ทั้งตัว GDP และพวกเม็ดเงินกองทุน

โดยหลังจากหุ้น 4 ตัว อาทิ  บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA , บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC  ดีดตัวขึ้นไปแรงๆ ทำให้ราคาวิ่งตามขึ้นไปส่งผลทำให้ตัว Upside พื้นฐาน น้อยลง ซึ่งส่งให้ภาพการทำกำไรมีโอกาสเกิดขึ้น อีกทั้งยังได้ผลกระทบระหว่างรอการเลือกตั้งสหรัฐและตัวอัพไซด์กลุ่มหุ้นที่นำมาก่อนหน้านี้น้อยลงจึงทำให้ถูกเทคลงมา แต่ยังมองว่าเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น จึงสามารถซื้อเก็บสะสมไว้ได้

อีกทั้งยังคงแนะหุ้นที่สามารถซื้อเก็งกำไร ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม อย่างเช่น ADVANC ราคาพื้นฐานที่  300 บาท เนื่องจาก บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ประกาศงบการเงินไตรมาส 3/67 ออกมาค่อนข้างดีมาก เนื่องจากมองว่าเป็นหุ้นกลุ่มประเภทเดียวกัน ส่วนหุ้นอีกตัวแนะนำ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น อีกทั้งรัฐบาลเร่งกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยงช่วงปลายปีนี้ อย่างเช่นโครงการแอ่วเหนือคนละครั้ง ที่ต้องมีการบินเดือนไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานที่  64.5 บาท