TOP จี้ UJV เร่งสางปม “ค่าแรงเหมาช่วง” โครงการ CFP ไม่ชัด “วันเปิด” รอประเมินผลกระทบ

TOP จี้ UJV และบริษัทแม่ สางปมค้างจ่ายค่าแรงเหมาช่วงโครงการ CFP พร้อมแจงสัญญามีการวางแบงก์การรันตี 10% ของมูลค่าสัญญางาน เพื่อค้ำประกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ยังไม่ชัด “วันเปิด” รอประเมินผลกระทบอีกครั้ง


นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า จากกรณีที่บริษัทผู้รับเหมาช่วงของกิจการร่วมค้าระหว่าง-Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (Samsung), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. (Petrofac) และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Saipem) (เรียกรวมกันว่า UJV– Samsung, Petrofac และ Saipem) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักในการก่อสร้างโครงการพลังางานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ให้กับ TOP ในนามสหพันธ์ผู้รับเหมาโรงกลั่นไทยออยล์, โครงการ CFP ศรีราชา ได้มีการเรียกร้องค่าตอบแทนค้างจ่ายจาก UJV นั้น

โดยบริษัทฯขอชี้แจงว่าบริษัทฯได้จ่ายค่าตอบแทนให้ UJV ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักในการก่อสร้างโครงการ CFP ตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาจ้างเหมาทำของ การออกแบบวิศวกรรม การจัดหาและการก่อสร้าง(EPC) ระหว่างบริษัทฯ และ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ UJV –Samsung, Petrofac และ Saipem (Onshore Contractor) อย่างครบถ้วนถูกต้องมาอย่างต่อเนื่อง แต่ UJV ยังไม่จ่ายค่าตอบแทนค้างจ่ายให้กับบริษัทผู้รับเหมาช่วง ซึ่งเป็นหน้าที่ของ UJV ตามสัญญารับเหมาช่วง

อย่างไรก็ดีบริษัทฯได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของสหพันธ์จากการไม่ได้รับค่าตอบแทนค้างจ่าย และได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้ UJV ปฏิบัติหน้าที่ของตนในการชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายให้กับบริษัทผู้รับเหมาช่วงตามสัญญารับเหมาช่วงโดยบริษัทฯได้มีการส่งหนังสือสอบถามไปยัง UJV และบริษัทแม่ของ UJV-Samsung, Petrofac และ Saipem ในฐานะผู้ออกหนังสือค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา EPC เกี่ยวกับมาตรการในการจัดการดูแลบริษัทผู้รับเหมาช่วงที่ยังไม่ได้รับชำระค่าจ้าง รวมถึงแผนชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายมาโดยตลอด ซึ่งหาก UJV ขาดสภาพคล่องจนไม่สามารถชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายได้บริษัทแม่ควรให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ UJV

โดย UJV ยืนยันว่าจะทำการชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายให้แก่บริษัทผู้รับเหมาช่วงตามเงื่อนไขของสัญญารับเหมาช่วง นอกจากนี้ UJV ยังแจ้งไม่ให้บริษัทฯ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทผู้รับเหมาช่วง เนื่องจากบริษัทฯ ไม่ได้เป็นคู่สัญญาในสัญญารับเหมาช่วง ดังนั้นหน้าที่ในการชำระค่าตอบแทนตามสัญญารับเหมาช่วงดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ UJV ที่จะต้องรับผิดชอบโดยตรง

ทั้งนี้ด้วยโครงการ CFP เป็นโครงการขยายโรงกลั่นน้ำมันที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง(Complex Refinery) เพิ่มขีดความสามารถในด้านการกลั่นน้ำและสร้างความมั่นควทางพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งเป็นการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูงบริษัทฯจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินงานโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้มีความชัดเจนในทุกขั้นตอนมีการกลั่นกรองเป็นลำดับอย่างรัดกุม นอกจากนี้ยังเน้นย้ำในเรื่องการตรวจสอบภายในโดยมีการแต่งตั้งผู้สังเกตการณ์อิสระมีการนำแนวทางของ Integrity Pact (ข้อตกลงคุณธรรม) มาประยุกต์ใช้ โดยผู้สังเกตการณ์อิสระจะเขาร่วมสังเกตการณ์ทุกขั้นตอนของกระบวนการประกวดราคาและมีความเป็นอิสระ เพื่อรายงานผลการปฏิบัติงานรวมถึงข้อสังเกตการณ์ต่างๆ โดยตรงต่อคณะกรรมการบริษัทฯ

บริษัทฯได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประกวดราคาสำหรับโครงการ CFP ตามกระบวนการจัดจ้างที่โปร่งใส สอดคล้องตามหลักบรรษัทภิบาล โดยมีหลักเกณฑ์ที่มีมาตรฐานที่ชัดเจน เช่น การวิเคราะห์งบการเงิน อัตราส่วนทางการเงิน ประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมประกวดราคาเป็นต้น นอกจากนี้มีการพิจารณาความเหมาะสมของผู้เข้าร่วมประกวดราคาแล้วบริษัทฯได้จัดให้มีการชี้แจงข้อมูลโครงการรายละเอียดของขอบข่ายงานที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมประกวดราคารวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละรายเข้าสำรวจพื้นที่ที่ก่อสร้างโครงการอย่างละเอียด เพื่อนำไปใช้ประเมินแผนงานและมูลค่าการดำเนินงานโครงการก่อนที่ผู้เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละรายจะยื่นข้อเสนอโครงการ

ทั้งนี้บริษัทที่เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละรายเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงมีประสบการณ์ในการทำงานโครงการขนาดใหญ่มาแล้ว โดยการประกวดราคาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างแบบเหมารวม (Lumpsum Contract) ซึ่งบริษัทฯเชื่อมั่นว่าผู้เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละรายจะนำเสนอราคาที่มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินโครงการ CFP ให้สำเร็จได้ ซึ่งผลการประกวดราคาปรากฏว่าบริษัท 1. Petrofac International (UAE) LLC, 2. Samsung Engineering Co., Ltd., และ 3. Saipem S.P.A. ได้รับการคัดเลือกและได้ทำสัญญาจ้าง EPC ในปี พ.ศ. 2561 ในนามของ The Consortium ประกอบด้วย PSS Netherlands B.V., (Offshore Contractor) และ UJV–Samsung, Petrofac และ Saipem (Onshore Contractor)

โดยในการทำสัญญา EPC นี้บริษัทแม่ของ The Consortium (PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ UJV–Samsung, Petrofac และ Saipem (Onshore Contractor)) คือ 1. Petrofac Limited 2. Samsung E&A Co., Ltd. (เดิมชื่อ Samsung Engineering Co., Ltd.) และ 3. Saipem S.P.A. (บริษัทแม่) ได้ออกหนังสือค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของ The Consortium ทั้งหมด (Parent Company Guarantee) และThe Consortium ได้มีการวางหนังสือค้ำประกันของธนาคารเป็นหลักประกันสัญญา (Performance Bond) จำนวนร้อยละ 10 ของมูลค่าสัญญาทั้งหมด เพื่อใช้เป็นหลักประกันการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญารวมถึงเพื่อค้ำประกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นตามสัญญา

นอกจากนี้สัญญา EPC ดังกล่าวได้มีการพิจารณาอย่างรัดกุม และระบุเงื่อนไขสำคัญอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินโครงการ โดยบริษัทฯมีการพิจารณาและระบุหลักการสำคัญหลายประการในสัญญา เช่น การกำ หนดขั้นตอนในการทดสอบและส่งมอบโครงการ, การรับประกันคุณภาพโครงการ, เงื่อนไขเกี่ยวกับความรับผิด และสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายเป็นต้น หากเกิดกรณีผิดสัญญาหรือเลิกสัญญา บริษัทฯสามารถที่จะเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขของสัญญา ดังนั้นการที่มีข่าวในสื่อรายหนึ่งว่า Saipem ซึ่งเป็นคู่สัญญารายหนึ่งในสัญญากับบริษัทฯ สามารถที่จะถอนตัวออกจากสัญญาได้ จึงไม่เป็นความจริง ทั้งนี้บริษัทฯขอยืนยันว่าบริษัทฯได้ปฏิบัติและรักษาสิทธิของบริษัทฯ ตามสัญญาอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เริ่มก่อสร้างโครงการ CFP ไปแล้ว ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เมื่อปีพ.ศ. 2562 ทั่วโลก และเริ่มส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบริหารงานและการก่อสร้างโครงการ CFP ของ UJV ตั้งแต่ปีพ.ศ.2563 อย่างต่อเนื่องจนถึงปีพ.ศ.2565 ดังนั้นเมื่อปีพ.ศ.2564 UJV ได้เริ่มเจรจากับบริษัทฯเพื่อขอเพิ่มงบประมาณในสัญญา EPC และขอขยายระยะเวลาส่งมอบโครงการ CFP ซึ่งบริษัทฯได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนตามเงื่อนไขสัญญาและเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทแล้ว จึงได้อนุมัติการแก้ไขสัญญา EPC โดยให้งบประมาณเพิ่มเติมอีกจำนวน 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

จากเหตุการณ์ที่สหพันธ์รวมตวัชุมนุมบริเวณหน้าโรงกลั่นไทยออยล์อ.ศรีราชา จ.ชลบุรีในวันที่ 18 ตุลาคม 2567ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของบริษัทฯ ในบริเวณดังกล่าวแต่มิได้ส่งผลให้โครงการ CFP ต้องเลื่อนเปิดดำเนินการออกไปอย่างไม่มีกำหนดดังที่สื่อบางรายได้รายงานข่าวแต่อย่างใด ในการนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งเร่งดำเนินการแก้ปัญหาเพื่อลดผลกระทบต่อโครงการ CFP โดยที่บริษัทฯคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้าประการใดเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯจะรายงานให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบตามความเหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้บริษัทฯขอยืนยันว่าบริษัทฯมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นตามหลักบรรษัทภิบาลและมุ่งหวังให้การดำเนินโครงการ CFP แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด โดยให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ตลอดจนตระหนักถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับบริษัทผู้รับเหมาช่วง โดยบริษัทฯจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้ UJV ชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายให้แก่บริษัทผู้รับเหมาช่วงแต่ละรายโดยเร็วที่สุดต่อไป

Back to top button