KGEN ปรับแผนลงทุน OJMT – OJST จ่ายมัดจำค่าที่ดิน สร้างโรงงานรถอีวี 50 ล้านวันนี้
KGEN ปรับแผนจ่ายเงินลงทุนใน OJMT – OJST เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยได้จ่ายมัดจำค่าที่ดิน สร้างโรงงานรถอีวี 50 ล้านวันนี้ ส่วนที่เหลือ 850 ล้านบาท เตรียมชำระค่างวดสุดท้ายภายในวันที่ 15 พ.ย.67
นางสาวพรทิพย์ ตรงกิ่งตอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า สืบเนื่องจากแผนการเข้าลงทุนของบริษัทฯ ใน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู แมนูแฟคเจอริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ OJMT และ บริษัท โอโมดา แอนด์ เจค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ OJST ซึ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 กล่าวคือ บริษัทจะลงทุนในบริษัทร่วมทุนดังกล่าวผ่าน บริษัท คิงเจน ออโต จำกัด หรือ KGA โดยจะต้องดำเนินการให้ได้มาซึ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อใช้เป็นสถานประกอบการ อาคารโรงงานสำหรับการดำเนินกิจการผลิตรตรถยนต์ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ OMODA และ JAECOO รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ ภายใต้ Chery Group นั้น
โดยภายใต้สัญญาซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างระหว่าง บริษัท มนตรีทรานสปอร์ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MONTRI และ บริษัท ราชา รูท จำกัด หรือ RACHA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท (ผู้ซื้อ) และ บริษัท เอส เอ็น ซี เซเรนิตี้ จำกัด และ บริษัท เอสเอ็นชี ครีเอติวตี้ แอนโทโลจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC (ผู้ขาย) ทั้งนี้ สัญญาซื้อขายที่ดิน กำหนดว่า MONTRI หรือ RACHA หรือ บริษัทย่อยของบริษัท จะต้องชำระราคาซื้อชายที่เหลืออยู่งวดสุดท้าย จำนวน 900 ล้านบาท ภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2567 เพื่อรับโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากผู้ขาย โดยที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว จะใช้เป็นสถานประกอบการ อาคารโรงงานสำหรับการดำเนินกิจการ ดังที่กล่าวไปข่างต้นภายใต้ Chery Group
ล่าสุด บริษัทขอเรียนว่า ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการระดมทุนตามแผนการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด รวมถึงการพิจารณาหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม เพื่อนำไปลงทุนใน OJMT และ OJST รวมถึงชำระค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาซื้อขายที่ดิน
ในการนี้ ผู้ชื่อและผู้ขายจึงตกลงร่วมกันแก้ไขกำหนดเวลาการชำระเงินงวดสุดท้าย โดยตกลงให้บริษัทจะต้องชำระเงินมัดจำค่าที่ดินบางส่วนเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของราคาซื้อขาย เป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท ภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2567 และชำระค่าที่ดินงวดสุดท้ายภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 850 ล้านบาท