โบรกอัพเป้า GULF ใหม่ 75 บ. รับประมูล “พลังงานทดแทน” – บาทแข็งหนุนมาร์จิ้น
บล.บัวหลวงแนะนำ “ซื้อ” GULF ปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 75 บาท ลุ้นแผน PDP 2024 ใหม่จะเปิดโอกาสให้มีการประมูลพลังงานหมุนเวียน คาดกำไรหลักไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึงการควบรวมระหว่าง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ในประมาณการและปรับเป้าหมายการลงทุนของทางฝ่ายวิจัยจาก ณ สิ้นปี 2567 เป็น ณ สิ้นปี 2568 และปรับลดประมาณการอัตราผลตอบแทนปลอดความเสี่ยงจาก 2.70% มาอยู่ที่ 2.30% ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่คำนวณจากวิธี SOTP (WACC ที่ 4.7%) จึงเพิ่มขึ้นจาก 68 บาท เป็น 75 บาท
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรีทบทวนการประมูลพลังงานทดแทน 3.6 กิกะวัตต์ ของ กกพ. โดยชี้ว่าการประมูลดูไม่แข่งขันและอาจทำให้ต้นทุนไฟฟ้าเพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรียืนยันถึงความโปร่งใส ขณะที่ กกพ.เตือนว่าการเปลี่ยนเกณฑ์การประมูลอาจทำให้โครงการล่าช้าและทำให้การลงทุนจากต่างประเทศที่ต้องการพลังงานสีเขียวลดลง กกพ. เน้นว่าราคาที่ประมูลปัจจุบันต่ำมากแล้ว (พลังงานแสงอาทิตย์ 2.17 บาก/กิโลวัตต์ชั่วโมง, พลังงานลม 3.10 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง) และการแข่งขันด้านราคาก่อนหน้านี้มักนำไปสู่การปรับลงราคาเกินจริง ทำให้โครงการล้มเหลว และเกิดความล่าช้าในการลดคาร์บอน
โดยในมุมมองของเรา การประมูลรอบล่าสุดอาจล่าช้าบ้าง แต่จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเติบโตของพลังงานทดแทนในระยะยะยะยาว
แม้ว่าการประมูลจะล่าช้า แต่ กกพ. น่าจะเปิดประมูลพลังงานทดแทนทั้ง 3.6 กิกะวัตต์ได้ภายในปี 2568 (2.2 กิกะวัตต์ในครึ่งแรกของปี 2568 และ 1.4 กิกะวัตต์ในครึ่งหลังของปี 2569)
นอกจากนี้แผน PDP2024 ใหม่จะเปิดโอกาสให้มีการประมูลพลังงานหมุนเวียนเพิ่มอีก 10 กิกะวัตต์ในปี 2569-2570
โดยคาดการณ์ว่าแต่ละ 1 กิกะวัตต์ของกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่อาจเพิ่มประมาณการกำไรระยะยาวของ GULF เพิ่มขึ้น 3% และเพิ่มราคาเป้าหมาย 0.25 บาท
ในขณะที่แต่ละ 1 กิกะวัตต์ของกำลังการผลิตพลังงานลมใหม่อาจเพิ่มกำไรได้ 10% และราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น 1.44 บาท ทั้งนี้ บริษัทได้ชนะการประมูล 2.7 กิกะวัตต์จาก 5.2 กิกะวัตต์ในรอบก่อนหน้านี้ จึงคาดการณ์ว่าบริษัทจะชนะการประมูลอย่างน้อย 5 กิกะวัตต์จากการประมูลมากกว่า 10 กิกะวัตต์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไปที่นี้ข้างหน้า
โดยการนำเข้า LNG คิดเป็น 40-50% ของก๊าซของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ตามปริมาณ (คิดเป็น 60-70% ตามมูลค่า) สำหรับทุกๆ 1 บาทที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดออลลาร์สหรัฐ (ค่าเฉลี่ยทั้งปีในปี 2568) คาดการณ์ว่าราคาก๊าซจะลดลง 8-10 บาท/ล้าน btu ซึ่งแสดงถึงโอกาสในการเพิ่มประมาณการกำไรของ GULF เพิ่มขึ้น 1%
ทั้งนี้ กกพ. เผยว่าว่าค่าไฟฟ้าสำหรับช่วงการเรียกเก็บเงิน เดือน ม.ค.-เม.ย. อาจลดลง (เนื่องจากราคาก๊าซที่ลดลง) แต่คาดการณ์ว่าราคาไฟฟ้าจะยังคงใกล้เคียงกับ 4.18 บาทต่อหน่วยตลอดทั้งปี 2568 เนื่องจาก กฟผ. ยังมีภาระอีกจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 2% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งหนุนโดยทำไรที่เกิดจากกำลังการผลิตใหม่ และ GULF มีแนวโน้มรายงานกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสนี้) ส่งผลให้กำไรสุทธิทำสถิติใหม่ที่ 6.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 35% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดการณ์ว่ากำไรหลักจะทำสถิติใหม่ในในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 10% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งหนุนโดยกำไรเต็มไตรมาสจากโรงไฟฟ้า IPP ใหม่ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67