เปิดโผ! หุ้น SET50 ขึ้น-ลงแรงรอบ 10 เดือน

เปิดโผหุ้น SET50 ปรับตัวขึ้นแรง-ลงแรงในรอบ 10 เดือนแรกของปี 67 พบ TRUE บวกสูงสุด 144% ขณะที่ EA ปรับตัวลดลงแรงสุด 82% ฟาก "เจพี มอร์แกน" ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย TRUE ใหม่เป็น 14.50 บาท และ ADVANC ที่ 330 บาท


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 67 พบว่าดัชนี SET ปรับตัว 1,466.04 จุด มาที่ระดับ 50.19 จุด หรือ 3.54% เทียบกับระดับ 1,415.85 จุด เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.67 ขณะที่เดียวกัน ทีมข่าวได้สำรวจความเคลื่อนไหวหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกลุ่ม SET50 พบว่ามี 20 หุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น มี 1 หุ้นราคาเสมอตัว และมี 29 ปรับตัวลดลง ตามรายละเอียดตารางด้านล่างนี้

สำหรับหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1.TRUE เพิ่มขึ้น 143.56% มาที่ 12.30 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 5.05 บาท, 2.DELTA เพิ่มขึ้น 56.82% มาที่ 138 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 88 บาท, 3.INTUCH เพิ่มขึ้น 49.65% มาที่ 107 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 71.50 บาท, 4.GULF เพิ่มขึ้น 49.44% มาที่ 66.50 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 44.50 บาท และ 5.ADVANC เพิ่มขึ้น 26.73% มาที่ 275 บาท จากเดิมอยู่ที่ 217 บาท

ส่วน 5 อันดับหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงมากสุด ได้แก่ 1.EA ลดลง 82.15% มาที่ 7.90 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 44.25 บาท, 2.PTTGC ลดลง 32.47% มาที่ 26 บาท จากเดิมอยู่ที่ 38.50 บาท, 3.BTS ลดลง 31.59% มาที่ 4.96 บาท จากเดิมอยู่ที่ 7.25 บาท, 4.SCC ลดลง 31.37% มาที่ 210 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 306 บาท และ 5 SCGP ลดลง 29.17% มาที่ 25.50 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 36 บาท

ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัทหลักทรัพย์ เจพี มอร์แกน จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า JP Morgan ปรับราคาเป้าหมายสำหรับหุ้น TRUE จากเดิม 12.60 บาท เป็น 14.50 บาท โดยมีปัจจัยสำคัญได้แก่ 1) เลื่อนปีฐานในการประเมินมูลค่าเป็นปี ธ.ค.68 และ 2) ปรับเพิ่มกำไรสุทธิของปี 68/69 เพิ่มอีก 5% โดยคาดการณ์กำไรที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากความพยายามในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกระแสเงินสดอิสระ (FCF) ที่ดีขึ้น ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่าหนี้ของ TRUE จะลดลง ซึ่งจะช่วยส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ JP Morgan ระบุอีกว่า TRUE มีการรายงานการเพิ่มขึ้นของ ARPU แบบเติมเงินตั้งแต่ไตรมาส 1/66 นอกจากนั้นแล้วยังระบุว่า จากการสำรวจในเดือนกันยายน 67 พบว่า ADVANC และ TRUE อาจยกเลิกแพคเกจรายเดือนที่มีราคาต่ำกว่าบางแพคเกจ เช่น เว็บไซต์ของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ไม่มีแพคเกจ Welcome Family ที่เริ่มต้นที่ 288 บาทแล้ว แม้ว่ายังคงมีรายการแพคเกจในราคาต่ำกว่า (เช่น 299 บาท) แต่เชื่อว่าอาจเป็นแพคเกจที่มีเน็ต ความเร็ว หรือนาทีการโทรที่น้อยกว่า

ด้าน TRUE มีการเปิดตัวแพคเกจรายเดือนใหม่สองรายการที่ราคา 1,099 บาท และราคา 1,299 บาท เพื่อตอบโจทย์แฟนๆ พรีเมียร์ลีกในไทย ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าสภาพแวดล้อมการแข่งขันจะยังอยู่ในระดับที่ดีต่อไปจากการที่มีคู่แข่งในตลาดเพียงสองราย

ดังนั้น JP Morgan ระบุว่า หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยของ TRUE (รวมภาระผูกพันค่าเช่า) ลดลงเหลือ 4.18 แสนล้านบาทในไตรมาส 3/67 ซึ่งลดลง 6% จากสิ้นปี 66 ในขณะที่หนี้สุทธิต่อ EBITDA ของ TRUE (รวมภาระผูกพันค่าเช่า) มองเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นเป็น 4.4 เท่า จาก 5.2 เท่าในไตรมาส 4/66 จากการปรับปรุงในกระแสเงินสดอิสระ ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าการลดหนี้จะยังคงดำเนินต่อไปและทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง

นอกจากนี้ JP Morgan ยังมีการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของ ADVANC จากเดิม 295 บาท ไปเป็น 330 บาท ผลักดันโดย 1) เลื่อนปีฐานในการประเมินมูลค่าเป็นปี ธ.ค.68 2) ปรับเพิ่มกำไรสุทธิของปี 69 เพิ่มอีก 4% โดยคาดการณ์กำไรที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากต้นทุนคลื่นความถี่ที่ต่ำ

โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าคลื่นความถี่ 2.1GHz อาจช่วยให้การประหยัดต้นทุนรายปีมากกว่า 2 พันล้านบาทตั้งแต่ปี 69 โดยในปัจจุบัน AIS ใช้งานคลื่นความถี่ร่วมกันกับ 2.1GHz ของ NT ในอัตราค่าใช้จ่ายรายปีที่ 3.9 พันล้านบาท ซึ่งสัญญานี้จะหมดอายุลงในปี 68 และหลังจากนั้น การซื้อคลื่นความถี่ 2.1GHz อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการประหยัดต้นทุนของ ADVANC

JP Morgan คำนวณราคาคลื่นไว้ที่ US$0.2/MHz-pop (ซึ่งในสิงคโปร์การประมูลคลื่น 2.1GHz เมื่อเร็ว ๆ นี้อยู่ที่ US$0.4/MHz-pop) บ่งบอกต้นทุนคลื่นอยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากชำระค่าใช้จ่ายนี้เท่า ๆ กันทุกงวดตลอด 10 ปี จะทำให้มีค่าใช้จ่ายคลื่นรายปีอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นการประหยัดต้นทุนเงินสดรายปีประมาณ 2.5 พันล้านบาท

ด้านการปรับขึ้นคาดการณ์เงินปันผล: กระแสเงินสดอิสระ (FCFF) ของ ADVANC ในปี 66 อยู่ที่ 2.35 หมื่นล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.1 หมื่นล้านบาทในปี 67 ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุน และการลดการลงทุน

ฝ่ายวิเคราะห์มองว่า ขณะนี้ ADVANC ไม่ค่อยมีความกังวลกับหนี้สินที่ 2.5 เท่าของ EBITDA และไม่มีแผนที่จะชำระหนี้ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีโอกาสทำ M&A ขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างจำกัดหลังจากการเข้าซื้อ 3BB และเงินลงทุนสำหรับการลงทุนทุนในธนาคารเสมือนจริงจะอยู่ในระดับที่จำกัดเนื่องจากจะเป็นการกระจายการลงทุนระหว่างพันธมิตร JV

ทั้งนี้ JP Morgan จึงเชื่อว่ากระแสเงินสดอิสระที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ ADVANC สามารถเพิ่มการจ่ายเงินปันผลได้ โดยเราได้เพิ่มคาดการณ์ DPS สำหรับปี 68/69 ขึ้น 13% และ 17% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยังมองว่า การประมูลคลื่นความถี่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงอาจเป็นความเสี่ยงต่อการจ่ายเงินปันผลด้วยเช่นกัน

JP Morgan คาดว่า ADVANC จะจ่ายปันผล 10 บาทในปีนี้ 12.3 บาทในปีหน้า และ 14.8 บาทในปี 69 ส่วน EPS ในปีนี้คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 11.30 บาท และ 13.65 บาทในปีหน้า

Back to top button