พรีวิวงบไตรมาส 3 “กลุ่ม รพ.” กวาดกำไรทะลุ 8 พันล้าน ชู PR9-BDMS-BH โตเด่น

พรีวิวงบไตรมาส 3/67 “กลุ่มโรงพยาบาล” กวาดกำไรทะลุ 8 พันล้าน โบรกเชียร์ซื้อ PR9-BDMS-BH กำไรเติบโตเด่น รับผู้ป่วยไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงประกันสังคมหนุน


บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า ทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรสุทธิรวมในไตรมาส 3/67 ของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทยในความดูแลของทางฝ่ายวิจัยจะเพิ่มขึ้น 5.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8.05 พันล้านบาท ปัจจัยหลักของผลประกอบการรายไตรมาส ได้แก่ การเติบโตของรายได้ในประเทศที่สนับสนุนโดยฤดูกาลการเติบโตของรายได้จากต่างประเทศ และกำไรพิเศษจากสำนักงานประกันสังคม

โดยทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 และบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG จะเป็นผู้นำในไตรมาส 3/67 โดยคาดการณ์ PR9 จะมีกำไรรายไตรมาสที่ 178 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อนหน้า ขับเคลื่อนโดยการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากผู้ป่วยตะวันออกกลาง

ส่วน CHG คาดการณ์ว่าจะแสดงการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง พร้อมกำไรจากสำนักงานประกันสังคมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 90 ล้านบาท ช่วยเพิ่ม EBITDA margin

ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์การเติบโตของรายได้หลักที่ 5.80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 10.70% จากไตรมาสก่อนหน้า ขับเคลื่อนโดยกรณีไข้หวัดตามฤดูกาล การขยายเครือข่าย การเติบโตของรายได้จากต่างประเทศ และความเข้มข้นของการให้บริการที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม การระบาดของไข้หวัดที่เริ่มเร็วขึ้นในปีนี้ ประกอบกับการระบาดที่รุนแรงกว่าในปี 66 อาจสร้างความท้าทายให้กับผู้เล่นบางรายในไตรมาส 3/67 ตัวอย่างเช่น การเติบโตของรายได้บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS อาจต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 10-12% ในปี 67 (TISCOF อยู่ที่ 7.5%) เช่นเดียวกัน การเติบโตของบริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH และบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM น่าจะอยู่ในระดับปานกลาง

สำหรับการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติยังคงแข็งแกร่ง สนับสนุนโดยการหลั่งไหลของผู้ป่วยจากกลุ่ม CLMV และยุโรป รวมถึงการกลับมาของผู้ป่วยตะวันออกกลางหลังเดือนรอมฎอน การกลับมาที่รอคอยมานานของผู้ป่วยคูเวตเกิดขึ้น สำหรับบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ในไตรมาส 2/67 และไตรมาส 3/67 ตามลำดับ แม้ว่าจำนวนกรณีเหล่านี้ยังคงมีจำกัด แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวในกลุ่ มที่มีอัตรากำไรสูงสำหรับโรงพยาบาลที่เน้นผู้ป่วยต่างชาติ

ดังนั้น โรงพยาบาลที่เน้นประกันสังคม คาดการณ์ว่า BCH และ CHG จะได้รับประโยชน์จากกำไรเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคเรื้อรัง 26 โรค ซึ่งเป็นผลมาจากความแตกต่างระหว่างรายได้ค้างรับและการจ่ายเงินจริง กำไรเหล่านี้อาจเพิ่มกำไรรายไตรมาสของ BCH ประมาณ 14% และ CHG ประมาณ 18% เกี่ยวกับความกังวลเรื่องการปรับอัตราการเบิกจ่าย

ปัจจุบัน BCH และ CHG กำลังบันทึกอัตราเต็มที่ 12,000 บาท/Adjusted RW หลังจาก SSO ยืนยันอัตราปัจจุบันในการหารือกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนแห่งประเทศไทยเมื่อ วันที่ 29 ตุลาคม 2567 การประชุมครั้งสุดท้ายกำหนดไว้ในวันที่ 3 ธ.ค.67

ขณะที่หุ้นแนะนำของทางฝ่ายวิจัย คือ PR9, BDMS และ BH คาดการณ์ว่าจะแสดงการขยายตัวของอัตรากำไรในไตรมาส 3/67 บริษัทอื่นๆ เผชิญกับความท้าทายที่อาจกดดัน EBITDA margin

อีกทั้ง BCH อาจเห็นอัตรากำไรลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขาดผู้ป่วยคูเวตที่มีอัตรากำไรสูง

นอกจากนี้ EKH มีแนวโน้มจะรายงานการหดตัวของอัตรากำไรเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากอัตราการเข้าพักที่ต่ำลงที่โรงพยาบาลเอกชัยและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น สุดท้าย RAM เผชิญผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการดำเนินงานที่อ่อนแอที่ RAM และ VBR ในขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง

ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ PR9 ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 23.00, BDMS ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 37.00 บาท และ BH โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 299.00 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/67 ของ BH อยู่ที่ 2,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อนหน้า เติบโตเป็นไตรมาสดีสุดของปี ตามทิศทางรายได้เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับมี Economies of scale ของการใช้บริการ และ Intensity ค่ารักษาโรคเพิ่มขึ้น

รวมทั้งคุมต้นทุนได้ดี ส่วนทั้งปี 67 คาดการณ์กำไรสุทธิอยู่ที่ 7,782 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ข้อจำกัดด้าน Capacity ช่วงรอเปิดสาขาภูเกตในครึ่งปีหลังปี 69 ทำให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 68-69 จะเติบโตเฉลี่ย 4% (CAGR) เด่นน้อยกว่า BDMS คาดการณ์เติบโต 12% CAGR ยังคงแนะนำ Trading Buy สำหรับ BH ให้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 290 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดการณ์กำไรปกติไตรมาส 3/67 ของ BDMS จะเติบโต 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4.2 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากปริมาณผู้ป่วยจากต่างประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ดี

โดยคาดการณ์ผลกระทบจำกัดจากแผนประกันสุขภาพแบบร่วมจ่าย คาดการณ์กำไรปกติปี 68 จะเติบโต 10% เป็น 17.6 พันล้านบาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรปกติไตรมาส 3/67 ของ BCH เพิ่มขึ้น 37% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นค่าบริการรายได้ต่างชาติที่ฟื้นตัว และการเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพิ่ม และคาดมีบันทึกรายการพิเศษเบิกจ่ายรายได้จาก 26 โรคเรื้อรัง ประเด็น กลุ่มโรงพยาบาลเอกชน ยื่นขอปรับอัตราค่าบริการผู้ประกันตนประกันสังคมยังรอลุ้นผล

หากปรับขึ้นมองเป็น Upside Risk ภาพกลยุทธ์ 5 ปีข้างหน้า มองว่าธุรกิจเติบโตจากการขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพิ่มขึ้น และการเติบโตจากการการขยายสาขา

โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” มองว่าผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 67 ระยะยาวเติบโตต่อเนื่องตามแผนในการเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง และขยายโรงพยาบาลใหม่ ขณะที่ราคาหุ้นปรับลดลงสะท้อนประเด็นข่าวลบไปแล้วพอสมควร คงมูลค่าพื้นฐานปี 67 ที่ 21.80 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดการณ์ว่าผลประกอบการของ EKH จะออกมาน่าประทับใจในไตรมาส 3/67 โดยมีกำไรสุทธิ 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 51.60% จากไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็น 29.6% ของประมาณการกำไรเต็มปีของทางฝ่ายวิจัยที่ 320 ล้านบาท ซึ่งเมื่ออิงตามประมาณการไตรมาส 3/67 ของทางฝ่ายวิจัย จะทำให้กำไรปกติของ EKH ในงวด 9 เดือนปี 67 คิดเป็น 74.8% ของประมาณการกำไรเต็มปีของทางฝ่ายวิจัย

โดยคงประมาณการกำไรปี 67-68 เอาไว้เท่าเดิม  ทั้งนี้ EKH เป็นหุ้น laggard ยังคงคำแนะนำซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย อยู่ที่ 9.10 บาท

Back to top button