ส่อง 25 หุ้นกลุ่ม SET วิ่งแรงรอบ 10 เดือน CCET ฟันรีเทิร์น 155%
ส่อง 25 หุ้น กลุ่ม SET ปรับตัวพุ่งรอบ 10 เดือนแรกปี 67 พบ CCET ทะยานสูงสุด 155% ฟากโบรกแนะ “ซื้อ” TRUE ราคาเป้าหมาย 14.50 บาท คาดกำไรปี 67 เติบโต 6%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและจัดอันดับความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 (เปรียบเทียบราคาปิด 28 ธ.ค. 2566 -31พ.ย. 2567) พบว่ามี 5 หลักทรัพย์ที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างโดดเด่นเกิน 100% ดังต่อไปนี้
1.บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET ปรับตัวเพิ่มขึ้น 154.81% มาที่ 5.30 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 2.08 บาท , 2.บริษัท แอดวานซ์ คอนเนคชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ACC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 152.27% มาที่ 1.11 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 0.44 บาท, 3. บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ปรับตัวเพิ่มขึ้น 143.56% มาที่ 12.30 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 5.05 บาท ,
4.บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTELปรับตัวเพิ่มขึ้น 131.03% มาที่ 6.70 บาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 2.90 บาท, 5. บริษัท แฮลเซี่ยนเทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH ปรับตัวเพิ่มขึ้น 125.45% มาที่ 5.05 บาทจากเดิมอยู่ที่ระดับ 2.24 บาท
ทั้งนี้จากข้อมูลข้างต้น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นทั้ง 5 บริษัทบ่งบอกถึงทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ต่างๆ ที่ได้ประเมินถึงทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2567 ดังต่อไปนี้
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง CCETคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 อ่อนตัวจากไตรมาสก่อนหน้า แต่เติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากโรงงานทั้ง 2 แห่งใช้กำลังการผลิตเต็มแล้วและเงินบาทที่แข็งค่ากดดัน โดยผลประกอบการเนื่องจากบริษัทรับรายได้เป็นเงินดอลลาร์ 100%
ขณะที่ ผู้บริหารเผยกำลังการผลิตในปัจจุบันทั้งโรงงานสมุทรสาครและเพชรบุรีเต็มกำลังการผลิตแล้วและอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จไตรมาส 4/2567 และเริ่มรับคำสั่งซื้อใหม่ได้ในปี 2568 โดยบริษัทจะมุ่งเน้นสินค้า High margin เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ครึ่งหลังของปี 2567 รายได้จะไม่เติบโตมากนัก
ด้าน Bloomberg Consensusคาดการณ์กำไรปี 2567 จะเติบโต 163% เป็น 2.9 พันล้านบาท และในปี 2568 คาดการณ์กำไร อยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท โต 17% สอดคล้องกับความเห็นที่คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตในปี 2568 จากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่ จึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ให้ราคาเป้าหมาย 4.30 บาท
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุถึง INTUCH ว่าผลการดำเนินงานกำไร 9 เดือนแรกอยู่ที่ 75% ของการคาดการณ์กำไรทั้งปี มี upside risk ต่อการประมาณการของฝ่ายนักวิเคราะห์ หลังคาดหวังกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ ADVANC ในไตรมาส 4 เนื่องจากเป็นช่วง Highseason ทั้งนี้ คงประมาณการเติบโตของกำไรอยู่ที่ 16% สำหรับปี 2567 และปี 2568 เติบโต 6%
อีกทั้ง ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า INTUCH จะประกาศเงินปันผลอีก 2 ครั้งในปีนี้ และเงินปันผลพิเศษ 4 บาท ตามการอนุติให้ควบรวมกับ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันนี้ 3 ตุลาคม 2567 และ 2 บาทสำหรับผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2567
นอกจากนี้ ได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นอยู่ที่ 105 บาท จากเดิม 98 บาท จากการปรับราคาเป้าหมายของ ADVANC ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกหากมีการอนุมัติการควบรวมกิจการ โดยจะได้ประโยชน์จากผลดาเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังได้รับเงินปันผลพิเศษ 6 บาท ซึ่งคิดเป็นเงินปันผลราว 6%
อีกทั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึง TRUE โดยเพิ่มการคาดการณ์ผลประกอบการกำไรในปี 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% ส่วนปี 2568 เพิ่มขึ้น 17% จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/2567 และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 14.50 บาทต่อหุ้น จากเดิม 12.40 บาท
อนึ่งการคาดการณ์ในปี 2568 ของฝ่ายวิเคราะห์สูงกว่า consensus อยู่ที่ 17% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ TRUE เติบโตได้ดีกว่าดัชนี SET ราว 40% โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2568 และเงินปันผลจะยิ่งเป็นแรงสนับสนุนให้ราคาหุ้น TRUE ยังคงปรับเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุถึง GULF กำไรสุทธิไตรมาส 3/2567 จะทำสถิติใหม่ที่ระดับ 6,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสก่อน ปัจจัยสนับสนุนมาจากกำไรที่เกิดจากกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าใหม่ และ GULF มีแนวโน้มรายงานกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐช่วงไตรมาสดังกล่าว
ขณะที่ กำไรหลักจะทำสถิติใหม่ในไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 5,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 10% จากไตรมาสก่อนหน้า แรงหนุนจากกำไรเต็มไตรมาสจากโรงไฟฟ้า IPP ใหม่ ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 จากผลประกอบการดังกล่าว จึงมีการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น GULF เพิ่มเป็น 75 บาท จากเดิม 68 บาท โดยแนะนำเป็น “ซื้อ” อิงจากกรณีการควบรวมระหว่าง GULF กับบมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ ในประมาณการ
ส่วนรายละเอียดความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นหลักทรัพย์อื่นๆ อยู่จากตารางประกอบ