เลือกตั้งสหรัฐฯ “สนั่น” ชี้เอกชนไทยต้อง “ตระหนัก” แต่ไม่ “ตระหนก”

ประธานหอการค้าไทย มองเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ “แฮร์ริส-ทรัมป์” ไม่ว่าใครชนะ ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว เข้มงวดความโปร่งใส


อีกหนึ่งมุมมองจากภาคเอกชนไทยต่อการเลือกตั้ง “ประธานาธิบดีสหรัฐฯ  คนที่47” โค้งสุดท้ายที่ กมลา แฮร์ริส กับ โดนัลด์ ทรัมป์ เร่งทำคะแนน กับการเปลี่ยนแปลงผู้นำใหม่ของชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกา ที่กล่าวกันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เศรษฐกิจโลกสะเทือนไปด้วย

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” โดยมองสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเปรียบเทียบระหว่าง แฮร์ริส ชนะ กับ ทรัมป์ คว้าชัย ถ้า แฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน การทำงานน่าจะมีความต่อเนื่องตามแนวทางของพรรคเดโมแครต คือ ทำอะไรมีหลักการ ตามกติกา เช่น แนวปฏิบัติของไอเอ็มเอฟ (IMF), ธนาคารโลก (World Bank) และองค์การการค้าโลก (WTO) คงจะไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์

ซึ่งไบเดน ได้ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยเฉพาะสินค้าทางยุทธศาสตร์ เช่น รถไฟฟ้า, แบตเตอรี่, เซมิคอนดักเตอร์, โซล่าเซลล์, เหล็ก, อะลูมิเนียม และขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น ๆ ด้วยแต่ไม่รุนแรงเท่ากับสินค้าจากจีน

และเชื่อว่า พรรคเดโมแครตต้องการลดเงินเฟ้อ พร้อมดูแลเรื่องภาวะสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการไทยจึงต้องตามเรื่องนี้ให้ทันไม่เช่นนั้น จะถูกกีดกันสินค้าที่จะส่งออกไปอเมริกา

แต่หาก ทรัมป์เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ต้องบอกว่า ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ อะไรก็จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายเหลือเกิน คาดคิดไม่ถึงในความไม่แน่นอนของทรัมป์ แต่สิ่งที่แน่นอนทรัมป์ ยึดนโยบาย American First ผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาต้องมาก่อน เห็นได้จากที่ทรัมป์ประกาศนโยบายภาษีศุลกากร บางทีอาจจะถึง 100% และเขาต้องการที่จะให้เกิดการลงทุนในอเมริกา โดยให้ผลตอบแทนกับผู้ที่เข้ามาลงทุน ซึ่งสินค้าจากจีนจะถูกกีดกันอย่างแน่นอน

นายสนั่น ยังกล่าวถึงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ “สมัยทรัมป์ 2” ชัดเจนว่าจะลดการให้ความช่วยเหลือ หรือไม่สนับสนุนพื้นที่ขัดแย้ง เช่น ยูเครน, นาโต้ (NATO) และจะเข้าข้างอิสราเอล เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สงครามทางตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น

ส่วนคนไทยที่อยู่อเมริกาขณะนี้มีอยู่ประมาณ 500,000 คน แต่คนที่เข้าเมืองอย่างถูกต้อง มี 380,000 คน  ถ้าทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี คงจะไล่จับคนที่เข้าเมืองอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะทำให้คนไทยกว่าแสนคน ซึ่งเป็นฐานผู้บริโภคใหญ่สินค้าไทยในอเมริกาจะถูกส่งกลับประเทศ เราต้องมีการกระจายความเสี่ยงในเรื่องต่าง ๆ  ถ้าทรัมป์ขึ้นมา

นายสนั่น กล่าวอีกว่า ตนและทางหอการค้าฯ เฝ้าติดตามการแข่งขันการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งเหลืออีกไม่กี่วันก็จะรู้ผลแล้ว และมองว่า แฮร์ริส ยังนำอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้ไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าท้ายที่สุดใครจะชนะ เพราะค่อนข้างจะสูสี แต่เรามีความเชื่อว่าอเมริกาต้องการผูกมิตรกับประเทศไทย เพราะประเทศเราอยู่ในยุทธศาสตร์ ที่ตั้งมีความสำคัญมาก ๆ  อีกทั้งไทย-สหรัฐฯ ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาอย่างยาวนาน ถึงอย่างไรอเมริกาก็คงต้องการคบเราเป็นเพื่อนอย่างแน่นอน

ไทยเราเองก็จะต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ทำให้อเมริกามองว่า เราเอนไปอีกขั้วหนึ่ง ยกตัวอย่างที่ไทยเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ต้องชัดเจนว่าเราเข้าไปสมัคร เพื่อต้องการขยายโอกาสเกี่ยวกับเรื่องการค้า การลงทุน เพื่อเศรษฐกิจเท่านั้น ไม่มีเจตนารมณ์หรือวัตถุประสงค์อื่น เข้าข้างทางการเมืองขั้วใดขั้วหนึ่ง

ประธานหอการค้าไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ไทยได้สมัครเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD แล้วเช่นกัน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ นายมาธิอัส คอร์มันน์ เลขาธิการใหญ่ของ OECD ได้มาประชุมร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ตรงนี้จะเป็นประโยชน์กับสินค้าไทยและการยกระดับมาตรฐานสู่สากล เช่น แก้กฎระเบียบกฎหมายให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก แสดงถึงวามโปร่งใส ต่อต้านคอร์รัปชั่น ซึ่งทางเลขาธิการใหญ่ฯ ก็สนับสนุนและอย่างให้เราได้เป็นสมาชิกเร็วที่สุด

นายสนั่น กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้แต่ทรัมป์ขึ้นมา ไทยก็ไม่ได้มีข้อที่ต้องกังวลใจมากนัก และเราต้องเชื่อว่า ขณะนี้ไทยได้ดุลการค้ากับอเมริกามาก อย่างไรทางอเมริกาก็จะต้องจ้องว่าจะทำอย่างไรให้ไทยไปลงทุนในอเมริกาและอีกเรื่องที่จะถูกจับตาดู คือเรื่องผู้ประกอบการจีนได้มาลงทุนในไทย ใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่สูงหรือไม่ เชื่อว่าอเมริกาจะมีการตรวจสอบเข้มข้นขึ้นว่า Local จริงหรือไม่ ไม่ใช่ว่านำสินค้าจากจีนมาประกอบแล้วบอกว่า Made in Thailand และส่งไปขายที่อเมริกาเขาคงเพ็งเล็งอย่างแน่นอน เราต้องทำตรงนี้ให้โปร่งใส

Back to top button