“เอกภาวิน” มอง SET ชะลอตัว รอผลเลือกตั้งสหรัฐ แนะเก็บ 8 หุ้นตัวท็อป
“เอกภาวิน สุนทราภิชาติ” มอง SET ชะลอตัว เพื่อรอจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ แนะเก็บ 8 หุ้นใหญ่เด่นจาก 6 กลุ่ม BBL-KKP-CPALL-ADVANC-AOT-TISCO-AP-LH
นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด หรือ INVX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (4 พ.ย.67) ว่าภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้มีแนวโน้มยังชะลอตัวในช่วงรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมองว่าหาก โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพัลลิกันได้รับเลือกตั้งตลาดหุ้นทั่วโลกและรวมถึงตลาดหุ้นประเทศไทยจะมีความผันผวนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุถึงการเลือกตั้งสหรัฐฯแบ่งออกเป็น ก่อนและหลังว่า สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ หรือนางกมลา แฮร์ริส จะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เพราะต้องรอดูผล Electoral Vote อีกทีหลังจากรู้คะแนน Popular Vote จึงทำให้เกิดภาพตลาดหุ้นทยอยขายเพื่อลดความเสี่ยงไปก่อน ส่วนหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ จากสถิติในอดีต ส่วนใหญ่จะมีเรื่องของ Post Election Rally ทั้งฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดหุ้นไทยน่าจะมีภาพบวกออกมา
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองเพิ่มเติมอีกว่า หาก ทรัมป์ ได้รับเลือกเข้ามา ตลาดหุ้นจะมีความผันผวนแน่นอน เนื่องจากเป็นพรรครีพับลิกันเข้ามาบริหาร เหตุจากการนโยบายกีดกันทางการค้ากับทางจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับภูมิภาค รวมถึงการส่งออกของไทยจะกระทบแน่นอน ซึ่งในช่วงระยะสั้นๆ SET อาจมีการชะลอตัวอ่อนตัวลงจากความกังวลเรื่อง Trade War
อย่างไรก็ตาม ยังมองมีสัญญาณดีหากในวันที่ 8 พ.ย.67 นี้ จะมีการประชุมของสภาประชาชนแห่งชาติจีน หรือ NPC เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งน่าจะมีมาตรการบางอย่างออกมาเพื่อเป็นการรับมือถ้าหากทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีจริง หรืออาจจะมีโอกาสเรื่องย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทยก็อาจจะเกิดขึ้นได้ และถ้าหากเป็น แฮร์ริส เข้ามาบริหาร ตลาดหุ้นจะผันผวนน้อยกว่า เนื่องจากพรรคเดโมแครต จะเข้ามาสานต่อนโยบายเก่าๆ
ดังนั้น คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้อาจจะมีภาพลงมากระแทกแรงและจะมีการเด้งขึ้นแรงเช่นกัน ให้แนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,470–1,480 จุด ขณะที่ให้แนวรับอยู่ที่ 1,430–1,450 จุด น่าจะรองรับเป็นโอกาสในการซื้อได้
โดยนักวิเคราะห์แนะนำให้เน้นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากมีเม็ดเงินจากฝั่งนักลงทุนสถานบันเริ่มเข้ามา อาทิ กองทุนวายุภักษ์ , กองทุน SSF และ กองทุน RMF ซึ่งเน้นกองทุนที่ใช้รถหย่อนภาษีได้ เชื่อว่ากรอบล่างของ SET รองรับได้ได้แก่ 6 กลุ่มหลักๆ ประกอบไปด้วย
1) พวกกลุ่มค้าปลีกตัวเด่น ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL
2) พวกกลุ่มธนาคารตัวเด่น ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP
3) พวกกลุ่มท่องเที่ยวตัวเด่น ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT
4) พวกกลุ่มสื่อสารตัวเด่น ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
5) พวกกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ได้แก่ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO
6) พวกกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP, บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH
ถ้าเป็นในส่วนของหุ้นตัวกลางๆ แนะนำหุ้น บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เพราะมีการไต่ระดับปรับตัวได้ดี แนะนำซื้อที่ราคา 5.80 บาท