CGSI มองเลือกตั้งสหรัฐ-งบบจ.ไตรมาส 3 ชี้ทิศทาง SET พ.ย.

“บล.จีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” มองประเด็นเลือกตั้งปธน.สหรัฐ และการประกาศงบไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียน จะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วง พ.ย.67


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แม้โพลล์สำรวจการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าสุดชี้ว่า นางกมลา แฮร์ริส ยังมีคะแนนนิยมนำ นายโดนัลด์ ทรัมป์ แต่คะแนนต่างกันไม่มาก หรือเพียง 1.2% pts ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ FiveThirtyEight

นอกจากนี้ นายทรัมป์ ยังมีคะแนนนำในรัฐ “swing state” 4 รัฐจากทั้งหมด 7 รัฐคือ จอร์เจีย, นอร์ทแคโรไลนา, เพนซิลเวเนียและแอริโซนา เท่ากับได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี (electoral votes) รวม 61 คะแนนจาก 92 คะแนน ส่วนนางแฮร์ริส มีคะแนนนำในรัฐ swing state ที่เหลืออีก 3 รัฐคือ มิชิแกน, วิสคอนซินและเนวาดา เท่ากับมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 31 คะแนน ดังนั้นจึงเชื่อว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีโอกาสชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอให้เรียกเก็บภาษีใหม่ในอัตรา 10-20% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่นำเข้าจากต่างประเทศและให้เก็บภาษีจากสินค้าจากจีนสูงถึง 60% หากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง จึงคาดการณ์ว่าจะมีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลออกจากจีนมาไทยมากขึ้น ส่งผลดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม หุ้น Top pick คือ AMATA แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 33 บาท

นอกจากนี้ การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury Yield) เพิ่มสูงขึ้น น่าจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จะเป็นผลดีกับกลุ่มผู้ส่งออก เช่น ผู้ประกอบการกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอาหาร หุ้น Top pick คือ HANA แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 44 บาท

ขณะเดียวกัน เชื่อว่ามุมมองของนักลงทุนต่อตลาดเกิดใหม่น่าจะมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น จึงน่าจะช่วยให้หุ้นในกลุ่มปลอดภัย เช่น กลุ่มการแพทย์ปรับตัวดีขึ้น หุ้น Top pick ได้แก่ BCH แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 19.70 บาท อย่างไรก็ตามนายทรัมป์น่าจะให้ความสำคัญกับเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมมากกว่าพลังงานหมุนเวียน จึงมองว่าในกรณีที่นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ราคาน้ำมันและก๊าซ รวมถึงกลุ่มโรงกลั่นอาจได้รับผลกระทบ

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า หากนาง กมลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะตอบสนองเชิงบวกมากกว่ากรณีที่นายทรัมป์เป็นผู้ชนะ ดังนั้น หุ้น Domestic play ที่เน้นธุรกิจในประเทศอย่างกลุ่มสินค้าอุปโภค บริโภค, กลุ่มอสังหาริมทรัพฯ และกลุ่มธนาคารน่าจะ outperform หุ้นปลอดภัย นอกจากนี้ ยังคาดว่าเงินทุนจากต่างชาติจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน

สำหรับหุ้น Top pick ของฝ่ายวิเคราะห์ภายใต้สถานการณ์นี้ โดยแนะนำซื้อ ได้แก่ CRC ราคาเป้าหมาย 42 บาท, MOSHI ราคาเป้าหมาย 54.75 บาท, SIRI ราคาเป้าหมาย 2.10 บาท, BBL ราคาเป้าหมาย 195 บาท และ KBANK ราคาเป้าหมาย 188 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯไตรมาส 3/67 จะลดลง เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนตัวจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ขณะที่ Bloomberg consensus คาดว่ากำไรของตลาดหุ้นไทยจะลดลง 23% จากปีก่อน และ 15% จากไตรมาสก่อนในไตรมาส 3/67

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากองทุนรวมวายุภักษ์จะยังช่วยหนุนตลาด ซึ่งกระทรวงการคลังเผยว่าเพิ่งนำเงินทุน 30% ของ AUM ของกองทุนรวมวายุภักษ์ รวม 1.5 แสนล้านบาทไปลงทุนใน SET และกองทุน Thai ESG ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์จึงคงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 68 อยู่ที่ 1,630 จุด เท่ากับ P/E 16 เท่าในปี 68 หรือ -0.75SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี โดยมีหุ้น Top Pick คือ AMATA, BBL, BCH, CBG, CPN, CRC, KBANK, KLINIQ, MOSHI, PTTEP และ SIRI

Back to top button