TPCH กวาดกำไรไตรมาส 3 โต 1 เท่าตัว เคาะปันผล 0.128 บ. ขึ้น XD 19 พ.ย.นี้
TPCH รายงานกกำไรไตรมาส 3/67 เติบโต 121.89% แตะ 67.27 ล้านบาท อานิสงส์รับรู้รายได้เงินปันผล-จำหน่ายไฟฟ้า พ่วงค่าใช้จ่ายการบริหารลด ดันงวด 9 เดือน เติบโต 49.86% แตะ 254.15 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติปันผล 0.128 บาท ขึ้น XD 19 พ.ย.นี้ กำหนดจ่าย วันที่ 4 ธ.ค.นี้
บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ดังนี้
บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 67.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 30.32 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ 127.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 89.60 ล้านบาท รวมถึงรับรู้รายได้จากเงินปันผลอยู่ที่ 110.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 70.78 ล้านบาท จากโครงการอยู่ที่ CRB อยู่ที่ 69.47 ล้านบาท
ขณะเดียวกันรับรู้การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในโครงการ PGP อยู่ที่ 3.75 ล้านบาท, โครงการ SGP อยู่ที่ 9.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจจำนวน 39.71 ล้านบาท เนื่องจากได้รับเงินปันผลจากโครงการ CRB อยู่ที่ 76.78 ล้านบาท, โครงการ SGP อยู่ที่ 5.35 ล้านบาท
สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหาร อยู่ที่ 25.22 ล้านบาท ลดลง 24.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 33.22 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินเดือนและผลตอบแทนกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานอื่นๆ และ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบริหารงาน ค่าที่ปรึกษา ค่าส่งเสริมประชาสัมพันธ์ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับ I-REC และ ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานต่างๆ ของโครงการต่างประเทศ
ส่วนต้นทุนจากการขายไฟฟ้าในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 408.30 ล้านบาท ลดลง 22.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 528.97 สืบเนื่องมาจากมีการจําหน่ายเงินลงทุนบริษัทย่อยในเดือนตุลาคม 2566 โดยต้นทุนจากการขายไฟฟ้า ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายหลัก ได้แก่ ค่าจ้างเดินเครื่อง, ค่าบริหารจัดการเดินเครื่อง, ค่าเชื้อเพลิง, ค่าไฟฟ้าในโครงการค่าเบี้ยประกันภัย, ค่าขนขี้เถ้า ค่าเสื่อมราคา และค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเสริมสร้างเครื่องจักรที่เป็นทรัพย์สินหลัก ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงเองทุกโครงการ ยกเว้นโครงการ CRB และ TSG
ขณะที่ ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 254.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 169.60 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 67 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 67 เป็นเงินสดในอัตรา 0.128 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 19 พ.ย. 67 กำหนดจ่ายเงินปันผล 4 ธ.ค. 67
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 254.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.55 ล้านบาท หรือ 49.86% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 169.60 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,849.54 ล้านบาท
ขณะที่ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567) มีกำไรสุทธิ 67.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.95 ล้านบาท หรือ มากกว่า 100% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 30.32 ล้านบาทและมีรายได้รวม 622.49 ล้านบาท
โดยปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวลและประเภทเชื้อเพลิงขยะ จำนวน 8 แห่ง กำลังการผลิตรวม 90.2 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG มีกำลังการผลิตติดตั้ง 80.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ นนทบุรี (SPNT) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์
“ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปีนี้ บริษัทฯ สามารถทำกำไรออกมาได้ดี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลและโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ รวม 8 แห่งได้ตามปกติ รวมทั้ง มีการบริหารต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น” นางกนกทิพย์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.128 บาท/หุ้น วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 พร้อมจ่ายปันผลในวันที่ 4 ธันวาคม 2567
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในประเทศ บริษัทฯ มีการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) มีกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ล่าสุด ได้ร่วมลงนามสัญญาติดตั้งเครื่องจักรของโครงการเรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในไตรมาส 1/2568 ขณะเดียวกัน บริษัทฯ กำลังพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เพิ่มประมาณ 4 โครงการ ประกอบด้วย SP4-SP7 เป็นโครงการพลังงานขยะชุมชนในรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer)
สำหรับการลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในต่างประเทศ โดยพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว ซึ่งเข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จํากัด (MKP) ในสัดส่วน 40% มูลค่า 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบธุรกิจผลิต และจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว นั้น ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว โดยมีระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD)
ส่วนในปัจจุบันได้มีการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมก่อสร้าง และได้เริ่มงานด้านโครงสร้างและรั้วกั้นโซนติดตั้งสถานีไฟฟ้า (Substation) รวมถึงได้เซ็นสัญญางานวิศวกรรม งานจัดซื้อ และงานก่อสร้าง (Engineering, Procurement and Construction (EPC Contract) กับผู้รับเหมาจากประเทศจีน คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างอย่างเป็นทางการได้ในช่วงไตรมาส 1/2568 และยังมีแผนที่จะส่งไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปจำหน่ายในประเทศเวียดนามอีกหนึ่งโครงการ
ในส่วนของการลงทุนในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต โดยตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ประมาณ 180-200 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลม ประมาณ 50-100 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ TPCH ยังคงเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ ในปี 2569 แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าในประเทศ 150 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานชีวมวล และโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานขยะ รวมถึงโครงการในต่างประเทศ เป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม 350 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 110 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล 80.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 29.3 เมกะวัตต์