เปิดโผ! 20 หุ้น mai ขึ้นแรง-ร่วงหนักรอบ 10 เดือน NDR โกยรีเทิร์น 210%

รวม 20 หุ้นตลาด mai ที่ปรับตัวขึ้นแรง และลงแรงในรอบ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.67) พบ NDR โกยรีเทิร์น 210% ขณะที่ YGG ปรับตัวลดลงหนักสุด 88%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) รอบ 10 เดือนที่ผ่านมา (ราคาปิด 28 ธ.ค.66 – 31 ต.ค.67) มานำเสนอให้แก่นักลงทุน โดยคัดเลือกมาเฉพาะ 10 อันดับแรกที่ปรับตัวขึ้นแรง และปรับตัวลดลงแรง 10 อันดับแรก โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่างนี้

โดยหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง 10 อันดับแรก ได้แก่ NDR, 24CS, PLANET, KGEN, DV8, PROS, CHOW, TRT, STP และ SELIC

ขณะที่หลักทรัพย์ที่ปรับตัวลงแรงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ YGG, ARIN, PEER, IP, CIG, TBN, BBIK และ CPF

ด้าน NDR มีรายงานข่าวล่าสุดเกี่ยวกับความคืบหน้าการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัทย่อยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทยอยติดตั้งเครื่องทดสอบ ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จภายในปี 2567 นี้ และจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาประมาณไตรมาส 1 หรือ 2 ของปี 2568 เป็นต้นไป

โดยบริษัทย่อยแห่งใหม่นี้จะตรวจสอบและทดสอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับระบบเครือข่าย 5G และอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตไร้สาย เพื่อเจาะตลาด 5G ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงอุปกรณ์ที่ต้องใช้ใน Data Center ต่างๆ ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว คาดการณ์ว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ และกระจายฐานรายได้ของธุรกิจ สร้างการเติบโตที่สำคัญอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

เรามองว่าศักยภาพของตลาดอุปกรณ์ทดสอบ 5G กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการขยายตัวของเครือข่าย 5G และ Data Center ทั่วโลก ซึ่งเราจะเป็นส่วนหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาโซลูชั่นส์ทดสอบเพื่อให้อุปกรณ์ที่ต้องไปใช้ในเครือข่าย 5G และ Data Center ต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด และนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” นายชัยสิทธิ์ กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปีนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานจะสามารถพลิกฟื้นกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ โดยวางเป้ารายได้อยู่ที่ 900 ล้านบาท โดยยังคงโฟกัสกลุ่มธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายยางในและยางนอกรถจักรยานยนต์ ซึ่งตลาดยางรถจักรยานยนต์ในประเทศและต่างประเทศ ยังสามารถเติบโตได้อย่างดี ซึ่งบริษัทฯส่งออกยางรถจักรยานยนต์ไปยังหลายประเทศ โดยตลาดหลักอยู่ในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน และประเทศกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต

นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีแผนการขยายพอร์ตสินค้า High Margin มากขึ้น  และให้ความสำคัญเรื่องการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการปรับโครงสร้างการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงให้มีสัดส่วนมากขึ้น

ด้าน SELIC เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโตในปี 67 ในระดับสองหลัก (Double Digit Growth) จากปีก่อน โดยธุรกิจสติ๊กเกอร์ ที่ดำเนินธุรกิจโดย บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMC ที่กำลังเดินหน้าเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 115.72 ล้านหุ้น คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด และสัดส่วนภายหลังจาก PMC ทำการ IPO เรียบร้อยแล้ว จะส่งให้ SELIC มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 70%

Back to top button